คำเตือนจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: อันตรายที่แฝงอยู่ในน้ำดื่มที่ตากแดด หรือทิ้งไว้ในรถ

รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หรือที่รู้จักกันในนาม “หมอหมู” อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ได้ออกมาเตือนสาธารณชนผ่านโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการดื่มน้ำที่ถูกทิ้งไว้ในที่ร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรถยนต์หรือกลางแดดจัด

การศึกษาวิจัยล่าสุดได้เผยให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคน้ำดื่มที่สัมผัสกับอุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า เมื่อขวดน้ำพลาสติกถูกทิ้งไว้ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัด สารเคมีอันตรายอย่างบิสฟีนอลเอ (BPA) และพทาเลท มีโอกาสรั่วไหลจากพลาสติกลงสู่น้ำดื่มได้ ซึ่งการบริโภคสารเคมีเหล่านี้อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

ผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น

การดื่มน้ำที่ปนเปื้อนด้วยสารเคมีเหล่านี้อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพหลายประการ ได้แก่:

  1. อาการทางระบบทางเดินอาหาร: ผู้บริโภคอาจรู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน หรือปวดท้องอย่างรุนแรง
  2. อาการปวดศีรษะ: สารเคมีที่ปนเปื้อนอาจกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวเฉียบพลันหรือเรื้อรัง
  3. อาการวิงเวียนศีรษะ: ผู้ได้รับผลกระทบอาจรู้สึกมึนงง สูญเสียการทรงตัว หรือเวียนศีรษะ
  4. การรบกวนระบบฮอร์โมน: ในระยะยาว สารเคมีบางชนิดอาจส่งผลต่อการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ นำไปสู่ความผิดปกติทางฮอร์โมนที่อาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพ

แนวทางการป้องกันและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงดังกล่าว รศ.นพ.วีระศักดิ์ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเก็บรักษาน้ำดื่มอย่างถูกวิธี โดยแนะนำให้เก็บน้ำดื่มบรรจุขวดไว้ในที่เย็นและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง นอกจากนี้ ยังควรหลีกเลี่ยงการทิ้งขวดน้ำไว้ในรถยนต์เป็นเวลานาน โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนจัด

ทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับการดื่มน้ำนอกบ้าน

เพื่อสุขภาพที่ดีและความปลอดภัยในการบริโภคน้ำดื่ม ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้พกพากระบอกน้ำที่ทำจากวัสดุปลอดภัย เช่น สแตนเลสสตีลหรือแก้ว แทนการใช้ขวดพลาสติก นอกจากนี้ ควรเปลี่ยนน้ำดื่มใหม่อยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อน้ำถูกทิ้งไว้ในที่ร้อนเป็นเวลานาน การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพและส่งเสริมการบริโภคน้ำที่ปลอดภัยในชีวิตประจำวัน

การตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการดื่มน้ำที่ถูกทิ้งไว้ในที่ร้อนและการปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้เราสามารถดูแลสุขภาพของตนเองและคนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในยุคที่อุณหภูมิโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ การระมัดระวังในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ อาจส่งผลใหญ่ต่อสุขภาพของเราในระยะยาว