ความขัดแย้งระหว่างผู้บริหารแบรนด์ชื่อดังและนางเอกลิเกยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าฝ่ายหลังจะออกมาขอโทษแล้วก็ตาม เหตุการณ์นี้เริ่มต้นเมื่อผู้บริหารแบรนด์ดังรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดีย แสดงความไม่พอใจต่อการที่ดาราบางคน “ดังแล้วเทงานกันแบบไม่แจ้งได้ด้วยหรอ” ซึ่งทำให้ชาวอินเทอร์เน็ตเกิดความสงสัยและพยายามสืบหาว่าใครคือคนที่ถูกกล่าวถึง
ไม่นานนัก ชาวเน็ตก็พบว่าคนที่ถูกพาดพิงคือ “นุ่น ดำดง” หรือ “นุ่น เนตรชนก” นางเอกลิเกชื่อดัง ซึ่งมีข่าวว่าไม่ได้ไปร่วมงานตามที่นัดหมายไว้กับแบรนด์ดังกล่าว
นุ่น ดำดง ชี้แจงและขอโทษผ่านไลฟ์สด
หลังจากเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก นุ่น ดำดง ได้ตัดสินใจออกมาไลฟ์สดเพื่อชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งกล่าวคำขอโทษต่อผู้บริหารแบรนด์และทีมงานที่เกี่ยวข้อง โดยเธอได้อธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้พลาดนัดสำคัญในวันนั้น
นุ่นเล่าว่า ก่อนหน้าวันนัดหมาย เธอได้ไปแสดงลิเกและเกิดอาการแพ้จนมีผื่นขึ้นตามร่างกาย เมื่อกลับถึงบ้านจึงรับประทานยาแก้แพ้ เนื่องจากกลัวว่าจะเป็นไข้ หลังจากนั้นเธอก็เข้านอนและหลับลึกจนตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเวลาประมาณ 18:30 น. ของวันนัดหมาย ซึ่งเลยเวลานัดไปแล้ว
นุ่นยืนยันว่าเธอไม่ได้มีเจตนาที่จะเทงานหรือไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่แต่อย่างใด และได้รีบติดต่อกลับไปยังทีมงานทันทีที่ตื่นขึ้นมา พร้อมทั้งอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เธอยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของตนเองและขอน้อมรับความผิดนี้แต่เพียงผู้เดียว
ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการวิกฤตสื่อสารองค์กร
ดร.สมชาย นักวิชาการด้านการจัดการภาพลักษณ์และการสื่อสารในภาวะวิกฤต ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ว่า “การที่นุ่น ดำดง ออกมาชี้แจงและขอโทษอย่างรวดเร็วนั้นถือเป็นการจัดการปัญหาที่ดี อย่างไรก็ตาม การที่ผู้บริหารแบรนด์ยังคงแสดงท่าทีไม่พอใจ อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ ควรมีการเจรจาและหาทางออกร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจและชื่อเสียงของทั้งสองฝ่ายในระยะยาว”
แม้ว่านุ่น ดำดง จะออกมาขอโทษแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะยังไม่จบลงง่ายๆ เนื่องจากผู้บริหารแบรนด์ดังได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติม บ่งชี้ว่าอาจมีการดำเนินการทางกฎหมายต่อไป โดยระบุว่า “เหมือนเรื่อง น จะยังไม่จบนะค่ะ อาจต้องมีขึ้นศาลรอน้องแจ้งความประสงค์ทีเดียว ทางบริษัทเคารพการตัดสินใจเดียวรออัพเดตทีเดียวนะ”
สถานการณ์นี้ยังคงต้องติดตามต่อไปว่าจะมีการเจรจาหาข้อยุติร่วมกันได้หรือไม่ หรือจะมีการดำเนินการทางกฎหมายจริงตามที่ผู้บริหารแบรนด์ดังได้กล่าวไว้ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง อาจส่งผลกระทบต่อวงการบันเทิงและธุรกิจที่เกี่ยวข้องในวงกว้างต่อไป