เปิดความจริง งูกัดตัวเองไม่ใช่การฆ่าตัวตาย แต่เป็นการดิ้นรนครั้งสุดท้าย

ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 11 มิถุนายน 2567 เกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ที่ตลาดสัตว์เลี้ยงสวนจตุจักร กรุงเทพมหานคร ส่งผลให้สัตว์นับพันตัวต้องสังเวยชีวิตท่ามกลางเปลวเพลิง หนึ่งในภาพที่ถูกแชร์อย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดียคือซากงูสายพันธุ์เม็กซิกัน แบล็คคิงสเนค ที่ตายในสภาพกัดตัวเอง ภาพดังกล่าวได้สร้างความสงสัยและความเห็นใจต่อสาธารณชนเป็นอย่างมาก โดยหลายคนตั้งคำถามว่างูต้องทนทุกข์ทรมานมากเพียงใดจนถึงขั้นต้องฆ่าตัวตาย

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 นายสัตวแพทย์เพิ่มศิลป์ บุญน้อม นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ จากกองสวัสดิภาพสัตว์และสัตวแพทย์บริการ กรมปศุสัตว์ ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจแก่ไทยพีบีเอสออนไลน์ โดยอธิบายว่าพฤติกรรม “งูกัดตัวเอง” ที่พบนั้น ไม่ใช่การฆ่าตัวตายแต่อย่างใด แต่เป็นการดิ้นรนครั้งสุดท้ายของชีวิตท่ามกลางสถานการณ์อันเลวร้าย

สาเหตุและพฤติกรรมของ งูกัดตัวเอง

นายสัตวแพทย์เพิ่มศิลป์อธิบายว่า พฤติกรรมดังกล่าวเกิดจากการที่งูพยายามดิ้นรนหนีออกจากกล่องและกรงที่ถูกล้อมรอบด้วยความร้อนจากเปลวเพลิง ประกอบกับผลกระทบต่อระบบประสาทที่ได้รับจากสภาวะแวดล้อมที่เลวร้าย ทำให้งูไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของตัวเองได้อย่างปกติ จนเกิดการกัดตัวเองโดยบังเอิญในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต

นอกจากนี้ ข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก Nick Wildlife ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับงู ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การกัดตัวเองของงูอาจมีสาเหตุมาจากความเครียด อาการทางระบบประสาท หรือการบาดเจ็บ โดยงูเป็นสัตว์ที่มีความทนทานสูงและใช้เวลานานกว่าจะเสียชีวิต เนื่องจากเป็นสัตว์เลือดเย็นที่ต้องการออกซิเจนน้อยกว่าสัตว์เลือดอุ่น

ผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ต่อสัตว์เลี้ยง

นายสัตวแพทย์เพิ่มศิลป์ยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพซากงูที่พบหลังเหตุการณ์ไฟไหม้ โดยระบุว่าส่วนใหญ่งูจะนอนขดตัว บางตัวดูภายนอกปกติ ในขณะที่บางตัวถูกไฟคลอกจนเกล็ดไหม้เกรียม สำหรับงูที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ มักจะเสียชีวิตจากความร้อนที่สูงกว่า 80 องศาเซลเซียส ซึ่งทำให้อวัยวะภายในเสียหายจนเกิดภาวะช็อกหรือสุก แม้ว่าภายนอกอาจดูปกติ

นอกจากนี้ ยังมีการอัปเดตสถานการณ์ของสัตว์ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยไก่ 1 ตัว และกิ้งก่า 5 ตัว ที่ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทั้งหมดมีปัญหาปอดเสียหายจากการสำลักควัน โดยเฉพาะไก่ที่มีความเสี่ยงสูง

แนวทางการติดตามและดูแลสัตว์ที่รอดชีวิต

กรมปศุสัตว์ได้วางแผนในการตรวจติดตามสัตว์ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เช่น กระต่าย นก และสัตว์เลื้อยคลานบางชนิด โดยจะทำการติดตามอาการเป็นระยะเวลา 7-10 วัน เพื่อสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะอาการที่เกี่ยวข้องกับการสำลักควัน

เหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตสัตว์และทรัพย์สิน แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญในการปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยและการดูแลสวัสดิภาพสัตว์ในสถานที่ค้าขายสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต