ความโหดร้ายได้เกิดขึ้นอีกครั้งในสังคมไทย เมื่อคดีฆาตกรรมสาวสวยวัย 21 ปี นางสาวเบญจรัตน์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “น้องครีม” ได้คลี่คลายลงแล้ว หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้สำเร็จ โดยผู้ต้องหาได้สารภาพถึงการกระทำอันโหดเหี้ยมของตน ซึ่งรวมถึงการบีบคอเหยื่อจนเสียชีวิตในรถยนต์ และความพยายามในการอำพรางศพด้วยวิธีการสุดสยองขวัญ
เหตุการณ์อันน่าสลดใจนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2567 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.อ.ธิป เข่งคุ้ม ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเขาย้อย ได้เข้าตรวจสอบศพสาวนิรนามที่ถูกทิ้งไว้ในพงหญ้าริมถนนเพชรเกษม อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ต่อมาได้รับการยืนยันว่าผู้เสียชีวิตคือ น้องครีม ซึ่งญาติได้ประกาศตามหาก่อนหน้านี้
การจับกุมและการสารภาพ
หลังจากการสืบสวนอย่างเข้มข้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับและจับกุมนายอนุวัฒน์ อายุ 20 ปี ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เมื่อคืนวันที่ 9 มิถุนายน 2567 นายอนุวัฒน์ได้ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าน้องครีมจริง พร้อมทั้งเปิดเผยรายละเอียดของเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัว
ตามคำให้การของผู้ต้องหา เขาได้รู้จักกับน้องครีมผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ และได้นัดพบกันที่จังหวัดภูเก็ต จากนั้นทั้งคู่ได้เดินทางด้วยรถกระบะเพื่อนำรถไปคืนแฟนเก่าของน้องครีมในกรุงเทพฯ ระหว่างทาง เกิดการทะเลาะวิวาทจนนำไปสู่การลงมือสังหาร
รายละเอียดสยองขวัญของการก่อเหตุ
นายอนุวัฒน์เล่าว่า เขาได้บีบคอน้องครีมจนเสียชีวิตในรถ หลังจากนั้นได้ขับรถพาศพไปทิ้งในป่าละเมาะ แต่เรื่องราวไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้ ผู้ต้องหายังได้พยายามอำพรางศพด้วยวิธีการที่สุดแสนจะโหดร้าย โดยการเทน้ำยาล้างห้องน้ำราดบนใบหน้าของผู้เสียชีวิต หวังให้เกิดการเสียโฉมเพื่อยากต่อการระบุตัวตน
การสืบสวนและหลักฐานสำคัญ
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆ เป็นหลักฐานสำคัญในการติดตามเบาะแส โดยพบภาพรถต้องสงสัยและชายคนหนึ่งในช่วงเวลาใกล้เคียงกับการเกิดเหตุ นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ต้องหาได้นำรถกระบะของผู้เสียชีวิตไปลงขายผ่านทางเพจออนไลน์ในพื้นที่ภาคใต้อีกด้วย
ความรู้สึกของครอบครัวผู้เสียชีวิต
ในระหว่างการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แม่ของน้องครีมได้แสดงความเสียใจและโกรธแค้นอย่างรุนแรง โดยตะโกนถามผู้ต้องหาถึงสาเหตุที่ฆ่าลูกสาวของเธอ แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดอันแสนสาหัสที่ครอบครัวต้องเผชิญจากการสูญเสียครั้งนี้
คดีนี้ไม่เพียงแต่สร้างความสะเทือนใจให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้แอปพลิเคชันหาคู่ และความรุนแรงที่แฝงอยู่ในสังคม ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเคร่งครัด เพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป