ในการแข่งขันชกมวยที่เร้าใจเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน “แบม” เจสซี่ โรดริเกวซ นักชกดาวรุ่งชาวอเมริกัน ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าตำแหน่งแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวตของสภามวยโลก (WBC) หลังจากเอาชนะน็อก ฮวน ฟรานซิสโก เอสตราด้า แชมป์เก่าชาวเม็กซิกัน อย่างไรก็ตาม ชัยชนะอันน่าประทับใจนี้กลับถูกบดบังด้วยความขัดแย้งเกี่ยวกับการให้คะแนนของคณะกรรมการ
การแข่งขันดำเนินไปอย่างดุเดือดตลอด 6 ยกแรก โดยโรดริเกวซแสดงให้เห็นถึงทักษะและความแข็งแกร่งเหนือคู่ต่อสู้อย่างชัดเจน แม้ว่าเอสตราด้าจะสามารถต้านทานได้อย่างกล้าหาญ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานพลังและความแม่นยำของคู่ต่อสู้ที่อายุน้อยกว่าได้
ความขัดแย้งในการให้คะแนน
หลังจบการแข่งขัน 6 ยกแรก ทางสภามวยโลกได้เปิดเผยคะแนนจากกรรมการทั้งสามท่าน ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับแฟนมวยและผู้เชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก กรรมการชาวอเมริกันให้คะแนนโรดริเกวซนำ 58-54 ในขณะที่กรรมการชาวแคนาดาให้คะแนนเสมอกันที่ 56-56 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สร้างความตกใจมากที่สุดคือการตัดสินของกรรมการชาวเม็กซิโก ซึ่งให้คะแนนเอสตราด้านำ 57-56
การให้คะแนนที่แตกต่างกันอย่างมากนี้ได้จุดประกายการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากวงการมวย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก เอ็ดดี้ เฮิร์น โปรโมเตอร์ชื่อดังแห่งแมตช์รูม บ็อกซิ่ง โปรโมชั่น เฮิร์นแสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อการตัดสินของกรรมการชาวเม็กซิโก โดยกล่าวว่า “กรรมการชาวเม็กซิกันให้ แบม ชนะแค่สองยกจากทั้งหมด 6 ยก มันน่าเหลือเชื่อมากๆ มันเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดก็จริง แต่ แบม ทำได้เหนือกว่าชัดเจน”
เฮิร์นยังเน้นย้ำถึงความสามารถในการฟื้นตัวของโรดริเกวซหลังจากถูกนับในยกที่ 4 โดยกล่าวว่า “เขากลับมาได้หลังจากได้นับในยกที่ 4 ด้วยการได้คะแนน 10-8 จากนั้นเกมก็สูสี แต่การที่หลังผ่าน 6 ยก แล้ว แบม ไม่ได้เป็นผู้ชนะมันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ”
แม้ว่าจะมีความขัดแย้งเรื่องคะแนน แต่ในท้ายที่สุดโรดริเกวซก็ได้พิสูจน์ความเหนือชั้นของเขาด้วยการเอาชนะน็อกเอสตราด้าในยกที่ 7 ซึ่งทำให้การตัดสินด้วยคะแนนไม่มีผลต่อผลการแข่งขัน ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้โรดริเกวซได้ครองตำแหน่งแชมป์โลก WBC รุ่นซูเปอร์ฟลายเวตเท่านั้น แต่ยังได้รับเข็มขัด เดอะริงก์ อันทรงเกียรติอีกด้วย
การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความสามารถอันยอดเยี่ยมของโรดริเกวซเท่านั้น แต่ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปรับปรุงระบบการให้คะแนนในวงการมวยสากล เพื่อให้มั่นใจว่าผลการแข่งขันจะสะท้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงบนเวทีมวยอย่างแท้จริง