วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ครบรอบ 113 ปีวันคล้ายวันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติ สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (สลช.) ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศแผนการปฏิรูปครั้งใหญ่เพื่อยกระดับกิจการลูกเสือไทยสู่มาตรฐานสากลและตอบสนองความต้องการของสังคมยุคปัจจุบัน
การปฏิรูปครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความล้าสมัยของระบบการบริหารจัดการของ สลช. โดยในการประชุมสภาลูกเสือไทยครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะสภานายกสภาลูกเสือไทย ได้มอบนโยบายสำคัญหลายประการ อาทิ การขับเคลื่อนโครงการลูกเสือจิตอาสาพระราชทาน การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชนผ่านการจัดตั้งสภาเยาวชนลูกเสือ การพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรม และการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในการทำกิจกรรมลูกเสือ
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการลูกเสือในการพัฒนาเยาวชนให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ โดยมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ตอบสนองความต้องการและความสนใจตามช่วงวัย
แผนการปรับปรุงค่ายลูกเสือ
ดร.วรัท พฤกษาทวีกุล รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สลช. ได้เปิดเผยถึงแผนการเร่งด่วนในการปรับปรุงค่ายลูกเสือทั้ง 4 แห่งที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สลช. ได้แก่ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ จ.ชลบุรี, ค่ายลูกเสือเฉลิมพระเกียรติ จ.ตรัง, ค่ายลูกเสือรัตรสาร จ.สงขลา และค่ายลูกเสือหลวงบ้านไร่ จ.ราชบุรี โดยมีเป้าหมายในการยกระดับให้อยู่ในมาตรฐานสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดันค่ายลูกเสือวชิราวุธให้เป็น “Scout City”
นอกจากนี้ ยังมีแผนในการสำรวจและปรับปรุงค่ายลูกเสือทั่วประเทศ รวมถึงค่ายที่อยู่ภายใต้การดูแลของจังหวัดและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาให้มีมาตรฐานที่ดีขึ้น
การปรับปรุงเครื่องแบบลูกเสือและเนตรนารี
สลช. ได้วางแผนในการปรับปรุงเครื่องแบบลูกเสือและเนตรนารีให้มีความทันสมัยและเหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุบัน โดยแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ เครื่องแบบพิธีการ เครื่องแบบปฏิบัติการ และเครื่องแบบลำลอง ซึ่งโรงเรียนสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมกับบริบทและสภาพเศรษฐกิจของผู้ปกครอง โดยคาดว่าจะสามารถประกาศใช้ได้ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567
การพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรม
สลช. มีแผนในการพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมลูกเสือและเนตรนารีให้ตอบสนองความต้องการของผู้เรียนและสอดคล้องกับยุคสมัย โดยจะมีการเพิ่มโปรแกรมใหม่ๆ เช่น โปรแกรมโลกการเงิน โปรแกรมกีฬาอีสปอร์ต โปรแกรมกู้ชีพฉุกเฉินและการปฐมพยาบาล เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีแผนในการประสานความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อนำผลการประเมินของลูกเสือไปใช้ในการพิจารณารับเข้าศึกษาต่อ
การปรับปรุงระบบการบริหารจัดการ
สลช. มีแผนในการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการโดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น การจัดทำฐานข้อมูล Big Data เกี่ยวกับงานลูกเสือ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้รับบริการและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
บทวิเคราะห์: ความท้าทายในการปฏิรูป
แม้ว่าแผนการปฏิรูปของ สลช. จะมีความครอบคลุมและมุ่งเน้นการพัฒนาในหลายด้าน แต่ความสำเร็จของการปฏิรูปนี้ขึ้นอยู่กับความจริงจังและความต่อเนื่องในการดำเนินการของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย การสร้าง “ลูกเสือไทยยุคใหม่” ที่จะเป็นพลังสำคัญของชาติอย่างยั่งยืนนั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการสนับสนุนและผลักดันให้การปฏิรูปครั้งนี้ประสบความสำเร็จ
ท้ายที่สุด การปฏิรูปกิจการลูกเสือไทยครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาเยาวชนไทยให้มีทักษะและคุณลักษณะที่จำเป็นสำหรับการเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพในศตวรรษที่ 21 อีกด้วย