คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำลังจะประกาศรับรองสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดใหม่จำนวน 200 คน ในวันนี้ (9 กรกฎาคม 2567) ท่ามกลางกระแสข่าวลือเกี่ยวกับการลาพักงานของประธาน กกต. นายอิทธิพร บุญประคอง ซึ่งได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวอย่างเด็ดขาด
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ได้ยืนยันว่ายังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ไม่มีการลาพักร้อนหรือลาหยุดแต่อย่างใด พร้อมทั้งระบุว่าข่าวลือดังกล่าวเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ นอกจากนี้ ยังเปิดเผยว่าในวันนี้จะมีการประชุม กกต. เพื่อพิจารณาวาระต่างๆ รวมถึงการพิจารณารับรองผลการเลือก สว. ซึ่งเป็นการพิจารณาต่อเนื่องจากการประชุมเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
แหล่งข่าวระดับสูงจาก กกต. เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้เวลา 13.00 น. มีโอกาสสูงที่จะมีการประกาศรับรองผลการเลือก สว. ทั้ง 200 คน พร้อมกับสำรองอีก 100 คน ทั้งนี้ เนื่องจาก กกต. ได้ยึดแนวทางตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2543 เป็นบรรทัดฐานในการพิจารณา
ความเห็นแตกต่างและข้อกังวล
แม้ว่าจะมีแนวโน้มที่จะรับรอง สว. ทั้งหมด 200 คน แต่ก็ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันในหมู่กรรมการ กกต. บางท่าน ซึ่งเป็นสาเหตุให้การประชุมเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ไม่สามารถบรรลุข้อสรุปได้ อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเชื่อว่าการประชุมในวันนี้จะสามารถหาข้อยุติและประกาศผลการรับรองได้
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่หลายฝ่ายสงสัยว่า กกต. จะรับรอง สว. เพียงบางส่วนหรือรับรองทั้งหมด 200 คน แล้วค่อยดำเนินการกับผู้ที่อาจกระทำผิดในภายหลัง ซึ่งแหล่งข่าวระบุว่า แนวโน้มคือจะมีการรับรองทั้ง 200 คน โดยอ้างอิงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในอดีต
บทเรียนจากอดีต: กรณีศึกษาปี 2543
เหตุการณ์ในอดีตที่ กกต. นำมาเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินใจครั้งนี้ คือกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2543 เมื่อ กกต. จัดการเลือกตั้ง สว. 200 คน แต่รับรองผลเพียง 122 คน ส่งผลให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่และความเห็นที่แตกต่างกันระหว่าง สว. ที่ครบวาระแต่ต้องรักษาการ กับ สว. ใหม่ที่ได้รับเลือกแต่ยังไม่ครบจำนวน
ในครั้งนั้น ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า สว. ที่ได้รับเลือกยังไม่ครบ 200 คน ไม่สามารถดำเนินการประชุมเพื่อปฏิบัติหน้าที่ได้ และ สว. ที่สมาชิกภาพสิ้นสุดลงก็ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้เช่นกัน ดังนั้น การรับรอง สว. ให้ครบจำนวน 200 คนจึงเป็นสิ่งสำคัญในการให้วุฒิสภาสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์
ด้วยเหตุนี้ การตัดสินใจของ กกต. ในวันนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินงานของวุฒิสภาในอนาคต และจะเป็นที่จับตามองของประชาชนและนักการเมืองทั่วประเทศ