แผนแยบยลของหนุ่มปล้นทอง: จากการวางแผนสู่การก่อเหตุสะเทือนขวัญ

เชียงใหม่ – เหตุการณ์ปล้นร้านทองในห้างสรรพสินค้าชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ได้คลี่คลายลงแล้ว หลังเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว โดยคนร้ายเป็นชายหนุ่มวัย 25-26 ปี ซึ่งได้สารภาพและเปิดเผยรายละเอียดการวางแผนอย่างแยบยลที่ใช้เวลานานถึงครึ่งปี

รายละเอียดการก่อเหตุ:

คนร้ายบุกเข้าห้างสรรพสินค้า ชิงทองจากร้านทองบนชั้น 2 โดยกวาดสร้อยทองน้ำหนักเกือบ 80 บาท มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที ก่อนหลบหนีด้วยรถยนต์โตโยต้าสีขาว

การสืบสวนและจับกุม:

ทีมสืบสวนใช้ภาพจากกล้องวงจรปิดและเบาะแสจากผู้ค้าทองในการติดตามคนร้าย โดยพบว่าผู้ต้องสงสัยได้พยายามขายทองที่ปล้นมาให้กับร้านทองอื่น ซึ่งนำไปสู่การระบุตัวและจับกุมผู้ต้องหาที่บ้านพักในอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่

การสารภาพและเปิดเผยแผนการ:

ผู้ต้องหาสารภาพว่าได้วางแผนก่อเหตุมาเป็นเวลานาน โดยมีขั้นตอนดังนี้:

  1. ฆาตกรรมคนขับรถรับจ้างและนำรถไปใช้ในการก่อเหตุ
  2. สวมเสื้อของคนขับเพื่อปลอมตัว
  3. ก่อเหตุปล้นทองในห้างสรรพสินค้า
  4. นำรถกลับไปจอดที่จุดเกิดเหตุฆาตกรรม เพื่อโยนความผิดให้คนขับ
  5. ซ่อนทองส่วนใหญ่ไว้ที่บ้านและนำบางส่วนไปขาย

แรงจูงใจและภูมิหลัง:

ผู้ต้องหาเป็นอดีตนักศึกษามหาวิทยาลัย คณะวิทยาศาสตร์ ที่เรียนไม่จบ มีประวัติติดเกมและชอบดูหนังประเภทสืบสวนฆาตกรรม แรงจูงใจในการก่อเหตุอาจเกี่ยวข้องกับการที่ครอบครัวถูกหลอกลวงในการลงทุนหุ้นทองคำ สูญเสียเงินกว่า 10 ล้านบาท

ผลกระทบต่อครอบครัว:

มารดาของผู้ต้องหาแสดงความเสียใจ ยอมรับว่าไม่เคยคาดคิดว่าลูกจะก่อเหตุรุนแรงเช่นนี้ และรู้สึกผิดที่ปล่อยปละละเลยให้ลูกมีพฤติกรรมติดเกมและดูสื่อที่มีความรุนแรง

 การวางแผนอย่างละเอียดของผู้ต้องหา

ผู้ต้องหาเปิดเผยว่าได้วางแผนการก่อเหตุอย่างละเอียดเป็นเวลานานถึงครึ่งปี โดยมีการบันทึกขั้นตอนต่างๆ ไว้ในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งรวมถึง:

– การสำรวจเส้นทางและคำนวณระยะทาง

– การประเมินระยะเวลาที่ใช้ในแต่ละขั้นตอน

– การวางแผนเส้นทางหลบหนี

– การกำหนดเวลาที่เหมาะสมในการก่อเหตุ

นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังมีแผนที่จะนำทองทั้งหมดไปขายและหลบหนีไปอยู่ประเทศญี่ปุ่น แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการวางแผนระยะยาวเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม

เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการสังเกตพฤติกรรมของบุคคลใกล้ชิด และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการติดเกมและการรับชมสื่อที่มีความรุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังคงดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อรวบรวมหลักฐานและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป