เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับวงการสังคมสงเคราะห์ เมื่อ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือที่รู้จักกันในนาม “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ถูกกล่าวหาว่าพรากผู้เยาว์และกระทำอนาจารต่อเด็กหญิงวัย 9 ขวบ โดยมารดาของเด็กได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.คันนายาว
รายละเอียดของเหตุการณ์
น.ส.แก้ว (นามสมมติ) อายุ 27 ปี มารดาของเด็กหญิงเอ๋ (นามสมมติ) อายุ 9 ขวบ ได้เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2567 ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ได้นำเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มาที่บ้านพักของตนในเคหะชุมชนย่านคู้บอน โดยอ้างว่าได้รับการร้องเรียนจากเพื่อนบ้านว่ามีการทำร้ายเด็ก และชักชวนให้ลูกสาวของตนไปอยู่ที่บ้านพักเด็กราชวิถีเป็นการชั่วคราว
น.ส.แก้วเล่าต่อว่า หลังจากนั้นเธอได้พยายามติดต่อกับเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กราชวิถีอยู่ประมาณ 3 สัปดาห์ ก่อนจะสามารถรับลูกสาวกลับมาได้ โดยต้องเซ็นยินยอมว่าจะไม่ทำร้ายลูกอีก ทั้งนี้ เธอยังกล่าวว่าลูกสาวถูกรุ่นพี่ในบ้านพักเด็กราชวิถีกลั่นแกล้งและทำร้ายร่างกาย
ข้อกล่าวหาเรื่องอนาจาร
น.ส.ศรินทิพย์ ศรีภักดิ์ เวนไรท์ เจ้าของเพจ “นิกกี้ขยี้ข่าว” ซึ่งเป็นผู้พาแม่และเด็กมาแจ้งความ ได้เปิดเผยว่ามีการกล่าวหาต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ในข้อหาอนาจารด้วย เนื่องจากพบว่ามีการถ่ายรูปเด็กในลักษณะไม่เหมาะสม โดยอ้างว่าต้องการดูร่องรอยบาดแผล และส่งภาพดังกล่าวไปให้กลุ่มผู้สื่อข่าว
การตอบโต้ของฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา
ยังไม่มีการเปิดเผยคำชี้แจงจากฝ่ายของ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ต่อข้อกล่าวหาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีการแถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในเร็วๆ นี้
ผลกระทบต่อวงการสังคมสงเคราะห์
เหตุการณ์ครั้งนี้ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับวงการสังคมสงเคราะห์เป็นอย่างมาก เนื่องจาก น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงการช่วยเหลือสังคม การถูกกล่าวหาในครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือขององค์กรการกุศลและหน่วยงานที่ทำงานด้านการคุ้มครองเด็กและเยาวชน
ทางออกและข้อเสนอแนะ
ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมสงเคราะห์หลายท่านได้เสนอแนะว่า ควรมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมถึงควรมีการทบทวนกระบวนการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองเด็กและเยาวชน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปควรรอฟังข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายก่อนที่จะตัดสินหรือวิพากษ์วิจารณ์กรณีนี้