เรื่องราวของนายรื่น อดีตเจ้าของบ่อเลี้ยงกุ้งวัย 77 ปี จากตำบลแพรกหนามแดง จังหวัดสมุทรสงคราม สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบอันรุนแรงจากการระบาดของปลาหมอคางดำที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสมุทรสงคราม
นายรื่น ผู้เคยประกอบอาชีพเลี้ยงกุ้งมานานกว่า 50 ปี ได้เล่าถึงชีวิตที่พลิกผันว่า แต่เดิมเขาเช่าบ่อเลี้ยงกุ้งขนาดใหญ่กว่า 20 ไร่ ซึ่งสร้างรายได้ดีพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัว แม้จะมีปัญหาน้ำเสียบ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็ยังสามารถจับกุ้งและปลาขายได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม เมื่อปลาหมอคางดำเริ่มระบาดอย่างหนัก สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“ทุกครั้งที่วิดบ่อ เราพบแต่ปลาหมอคางดำ” นายรื่นเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้า “เงินทุนของผมจมลงไปเรื่อยๆ ผมพยายามสู้อยู่หลายปี แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ ล้มเลิกกิจการไปแบบหมดตัว”
ความฝันที่จะเก็บเงินไว้ใช้ในบั้นปลายชีวิตของนายรื่นพังทลาย เขาจำต้องหันมาเก็บขวดขายเพื่อประทังชีวิต ทุกเช้า ชายชราวัย 77 ปีผู้นี้จะออกเดินเก็บขยะตามริมถนนและกองขยะในละแวกใกล้เคียง เพื่อนำมาคัดแยกและขายหารายได้เล็กๆ น้อยๆ
นายรื่นแสดงความผิดหวังต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กล่าวว่าไม่เคยได้รับความสนใจหรือความช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรม “พวกเขาแค่พูดไปวันๆ ไม่ได้จริงจังอะไร ไม่มีใครมาช่วยได้ ต้องช่วยตัวเอง ผมหมดหวังกับเจ้าหน้าที่รัฐ แม้แต่นักการเมืองก็ช่วยอะไรไม่ได้ ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย”
ผลกระทบของปลาหมอคางดำต่อระบบนิเวศและวิถีชีวิต
นายวิสูตร นวมศิริ อายุ 67 ปี ประธานกลุ่มอนุรักษ์พัฒนาป่าเลน ตำบลบางแก้ว ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปลาหมอคางดำเริ่มระบาดในพื้นที่ตำบลบางแก้วเมื่อปี 2562 และแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ปลาพื้นถิ่นหลายชนิด เช่น ปลาโหรี และปลากุเลา หายไปจากแหล่งน้ำธรรมชาติ
ในช่วงแรก ชาวบ้านไม่คุ้นเคยกับปลาหมอคางดำ และเมื่อนำมาประกอบอาหาร ก็พบว่าเนื้อปลาผอม มีน้อย เหนียว และมีก้างเยอะ ทำให้ไม่เป็นที่นิยมในการบริโภค อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ปลาหมอคางดำเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีเนื้อมากขึ้น ทำให้บางส่วนของชุมชนเริ่มยอมรับและนำมาประกอบอาหารมากขึ้น
นายวิสูตรแสดงความเห็นว่า ในอนาคต ปลาหมอคางดำอาจมีการปรับตัวและพัฒนาสายพันธุ์ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในประเทศไทย ซึ่งอาจส่งผลให้รสชาติและเนื้อสัมผัสของปลาเปลี่ยนแปลงไป แม้อาจจะไม่อร่อยเท่าปลาหมอเทศที่คนไทยคุ้นเคย แต่ก็สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย เช่น ทอดกรอบ ทำปลาแดดเดียว แกงฉู่ฉี่ หรือต้มยำ
นายวิสูตรเสนอให้จังหวัดสมุทรสงครามประกาศให้การกำจัดปลาหมอคางดำเป็น “วาระจังหวัด” โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดออกคำสั่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ที่มีการระบาด จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งมาใช้ในการกำจัดปลาหมอคางดำ และส่งเสริมการแปรรูปปลาที่จับได้เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน
ในขณะเดียวกัน นายสุนทร รอดบุญชัย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ตำบลแพรกหนามแดง ซึ่งเป็นแหล่งระบาดแห่งแรกของปลาหมอคางดำในประเทศไทย เล่าถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ่อเลี้ยงกุ้งของเขาบนเนื้อที่กว่า 70 ไร่ ที่ต้องเผชิญกับปัญหานี้มานานกว่า 10 ปี แม้จะพยายามกำจัดอย่างไร ปลาหมอคางดำก็ยังคงระบาดอย่างต่อเนื่อง
นายสุนทรเห็นด้วยกับการผลักดันให้การกำจัดปลาหมอคางดำเป็นทั้งวาระจังหวัดและวาระแห่งชาติ โดยดำเนินการพร้อมกันในทุกพื้นที่ เพื่อลดการระบาดและป้องกันไม่ให้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ
เรื่องราวของนายรื่นและผู้ได้รับผลกระทบคนอื่นๆ สะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหาการระบาดของปลาหมอคางดำ ที่ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ แต่ยังทำลายวิถีชีวิตและเศรษฐกิจของชุมชนอย่างรุนแรง การแก้ไขปัญหานี้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น เพื่อหาแนวทางในการจัดการปัญหาอย่างยั่งยืนและฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ได้รับผลกระทบต่อไป