สาวออฟฟิศญี่ปุ่นสร้างความฮือฮา: จากเหยื่อการแอบถ่ายสู่การโปรโมตคลิปส่วนตัวบนรถไฟฟ้า

วันที่ 18 กรกฎาคม 2567 – เหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงให้กับชาวโซเชียลเกิดขึ้น เมื่อสาวออฟฟิศชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงบนโลกออนไลน์ ใช้นามแฝงว่า “คาซึมิ” ได้โพสต์เรื่องราวที่เธอตกเป็นเหยื่อการแอบถ่ายบนรถไฟฟ้า ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางด้วยการโปรโมตคลิปวิดีโอส่วนตัวของตนเองในที่สาธารณะ สร้างความสับสนและวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

คาซึมิ พนักงานออฟฟิศสาวที่ทำงานในย่านธุรกิจมารุโนะอุจิ กรุงโตเกียว เป็นที่รู้จักจากการโพสต์ภาพไลฟ์สไตล์สุดเซ็กซี่บน Twitter (X) จนมีผู้ติดตามมากกว่า 70,000 คน เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 เธอได้โพสต์ภาพของตัวเองที่ถูกแอบถ่ายบนรถไฟฟ้าสายยามาโนเตะ พร้อมระบุว่าภาพดังกล่าวถูกส่งมาทาง AirDrop หลังจากเธอลงจากรถไฟ

ภาพที่ถูกเผยแพร่มีสองภาพ ภาพแรกเป็นช่วงที่เธอยืนรอที่ชานชาลา กำลังเล่นโทรศัพท์มือถือ โดยมีคนแอบถ่ายจากด้านหลัง ส่วนภาพที่สองเป็นภาพเธอยืนบนรถไฟฟ้า โดยเสื้อคลุมเปิดออก เผยให้เห็นเสื้อสีขาวบางเบาด้านใน และหน้าอกที่ไม่ได้สวมชุดชั้นใน

คาซึมิแสดงความกังวลและขอคำแนะนำจากผู้ติดตาม โดยระบุว่า “ฉันเลิกงานมาเหนื่อย ๆ ก็เลยหลับไป แต่สงสัยว่าจะแจ้งความดีไหม ฉันควรทำยังไงดีทุกคน…” โพสต์นี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม มียอดเข้าชมมากกว่า 5.1 ล้านครั้ง และถูกแชร์ต่อจนกลายเป็นไวรัล

 ปฏิกิริยาของสังคมออนไลน์และการตอบสนองของคาซึมิ

ผู้ใช้โซเชียลจำนวนมากแสดงความเป็นห่วงและให้คำแนะนำให้คาซึมิแจ้งความ โดยหนึ่งในความคิดเห็นระบุว่า “มีความเป็นไปได้ที่ผู้หญิงคนอื่นจะตกเป็นเหยื่อด้วย ดังนั้นฉันคิดว่าน่าจะดีกว่า ถ้าเธอกล้าไปแจ้งความ” คาซึมิตอบกลับด้วยความขอบคุณและยืนยันว่าจะไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนอื่น พร้อมทั้งบอกว่าจะรวบรวมหลักฐานไปแจ้งความ

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์พลิกผันเกิดขึ้นในวันถัดมา เมื่อคาซึมิโพสต์คลิปวิดีโอสั้น ๆ แบบเบลอ แสดงให้เห็นว่าเธอกำลังช่วยตัวเองบนรถไฟฟ้า พร้อมทั้งโปรโมตคลิปเต็มบนแพลตฟอร์มสำหรับผู้ใหญ่ของเธอ โดยมีแคปชั่นว่า “ในที่สุดฉันก็ทำสิ่งนี้ได้บนรถไฟ !”

การกระทำนี้สร้างความสับสนและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ผู้ใช้โซเชียลบางส่วนยังคงมองว่าทั้งสองกรณีแยกจากกัน โดยเชื่อว่าการถูกแอบถ่ายยังคงเป็นอาชญากรรมที่ควรได้รับการดำเนินคดี ในขณะที่อีกฝ่ายมองว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นการจงใจสร้างกระแสเพื่อโปรโมตตัวเอง

เหตุการณ์นี้ได้จุดประเด็นถกเถียงเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว การใช้พื้นที่สาธารณะ และจริยธรรมในการนำเสนอตัวเองบนโลกออนไลน์ ซึ่งยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในสังคมญี่ปุ่นและบนโลกโซเชียลมีเดีย