เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง 3 หน่วยงานสำคัญ ได้แก่ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของนักเรียน นักศึกษา และกำลังคนในทุกช่วงวัย
การลงนามครั้งนี้จัดขึ้น ณ ห้องประชุมราชวัลลภ ชั้น 2 อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากทั้งสามหน่วยงานเข้าร่วมพิธี พร้อมด้วย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ร่วมเป็นสักขีพยาน
นายอนุทิน กล่าวว่า การลงนาม MOU ครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาและยกระดับทรัพยากรมนุษย์ของประเทศในทุกมิติ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการสร้างโอกาสและความก้าวหน้าในเส้นทางอาชีพ รวมถึงการพัฒนาสมรรถนะของกำลังคนให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน
แนวทางการพัฒนาทักษะและสมรรถนะ
ความร่มมือครั้งนี้จะครอบคลุมการดำเนินงานหลายด้าน ได้แก่:
- การพัฒนาทักษะอาชีพและการฝึกอบรมที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน
- การส่งเสริมการสะสมประสบการณ์ทางอาชีพทั้งในระหว่างเรียนและการทำงาน
- การจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานและศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถ
- การสนับสนุนการแข่งขันฝีมือแรงงานในระดับชาติและนานาชาติ
- การเทียบโอนหน่วยกิตเข้าสู่ระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) เพื่อยกระดับวุฒิการศึกษาของแรงงาน
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ กล่าวเสริมว่า ความร่วมมือนี้จะช่วยขับเคลื่อนการจัดการศึกษาอาชีวศึกษา โดยมุ่งเน้นการผลิตและพัฒนากำลังคนในสาขาที่มีความจำเป็นเร่งด่วน สอดคล้องกับนโยบาย “Learn to Earn” ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เน้นให้ผู้เรียนมีรายได้ระหว่างเรียนและมีงานทำหลังจบการศึกษา
ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและภาคแรงงาน เพื่อพัฒนากำลังคนให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงานและรองรับเทคโนโลยีในอนาคต
การเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อการพัฒนากำลังคน
นอกจากนี้ ความร่วมมือครั้งนี้ยังรวมถึงการสนับสนุนการเชื่อมโยงข้อมูลภายใต้แพลตฟอร์มอัจฉริยะในการบริหารจัดการข้อมูลด้านกำลังคนและการพัฒนาสมรรถนะเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประเทศไทย (E-Workforce Ecosystem : EWE) ซึ่งจะช่วยให้การผลิตและพัฒนากำลังคนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานมากยิ่งขึ้น
การลงนาม MOU ครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพแรงงานไทย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน โดยมุ่งหวังให้แรงงานไทยมีทักษะที่ตรงกับความต้องการของตลาด มีรายได้ที่สูงขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกช่วงวัย