อิสราเอลเร่งโจมตีทางอากาศในกาซา ยอดผู้เสียชีวิตพุ่ง ขณะที่วิกฤตมนุษยธรรมทวีความรุนแรง

ในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา อิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศอย่างหนักต่อเนื่องในพื้นที่ฉนวนกาซา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 15 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีทั้งสตรีและเด็ก การโจมตีครั้งนี้มุ่งเป้าไปยังพื้นที่สำคัญหลายแห่ง โดยเฉพาะค่ายผู้ลี้ภัยบูเรจ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตตอนกลางของกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย รวมถึงเด็ก 2 คน นอกจากนี้ ยังมีการโจมตีทางตอนใต้ของเมืองข่าน ยูนิส ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนอีกอย่างน้อย 6 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นเด็กผู้หญิง 2 คน

การปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญ เนื่องจากนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กำลังเตรียมตัวเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีกำหนดการเข้าพบประธานาธิบดีโจ ไบเดน และกล่าวปราศรัยต่อสภาคองเกรส เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์การทำสงครามกับกลุ่มฮามาสที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลา 9 เดือน ในขณะที่การเจรจาเพื่อหยุดยิงยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง

 วิกฤตสุขภาพในกาซาทวีความรุนแรง พบไวรัสโปลิโอในระบบท่อน้ำทิ้ง

นอกเหนือจากความสูญเสียจากการโจมตีทางอากาศ สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาที่ถูกปิดล้อมกำลังเผชิญกับวิกฤตใหม่ เมื่อมีการค้นพบไวรัสโปลิโอในระบบท่อน้ำทิ้ง สาเหตุมาจากปัญหาการขาดแคลนน้ำสะอาดและสุขอนามัยที่ไม่เพียงพอ อันเป็นผลมาจากการสู้รบที่ยืดเยื้อ วิกฤตนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชากรในพื้นที่กว่า 2.3 ล้านคน ซึ่งกำลังเผชิญกับความเสี่ยงด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น

ในการตอบสนองต่อสถานการณ์นี้ กองทัพอิสราเอลได้ประกาศว่าจะดำเนินการให้ทหารทุกนายได้รับวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ และยังมีแผนที่จะเร่งจัดหาวัคซีนเพื่อแจกจ่ายให้แก่ประชาชนชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ด้วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะเวลาและวิธีการในการดำเนินการดังกล่าว

ตลอดระยะเวลา 9 เดือนของสงครามในกาซา มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 38,900 ราย ซึ่งตัวเลขนี้รวมถึงทั้งกองกำลังทหาร สมาชิกกลุ่มติดอาวุธ และพลเรือน นอกจากนี้ ยังมีตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสควบคุมตัวไว้อีกประมาณ 120 คน โดยคาดว่าในจำนวนนี้อาจมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3 ราย

สถานการณ์ในกาซายังคงมีความตึงเครียดและไม่แน่นอนสูง ในขณะที่ประชาคมโลกเรียกร้องให้มีการยุติความรุนแรงและเร่งหาทางออกทางการทูตเพื่อยุติวิกฤตที่ยืดเยื้อมานานนี้ ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามผลการเจรจาหยุดยิงและความพยายามในการบรรเทาวิกฤตมนุษยธรรมในพื้นที่อย่างใกล้ชิดต่อไป