ไทยออยล์ชี้แจงเหตุประท้วงของแรงงานบริษัทผู้รับเหมา เรียกร้องค่าจ้างค้างจ่าย 4 เดือน

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้ออกแถลงการณ์เพื่อชี้แจงกรณีที่มีกลุ่มแรงงานจำนวนมากรวมตัวประท้วงหน้าโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทในจังหวัดชลบุรี โดยอ้างว่าไม่ได้รับค่าจ้างมาเป็นเวลา 4 เดือน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา สร้างความวุ่นวายและดึงดูดความสนใจจากสาธารณชนอย่างมาก

รายละเอียดของเหตุการณ์:

เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันดังกล่าว มีกลุ่มพนักงานของบริษัทรับเหมาจำนวนหลายร้อยคนได้รวมตัวกันที่บริเวณทางเข้าโรงกลั่นน้ำมันในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พวกเขาถือป้ายประท้วงและเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบต่อปัญหาการไม่จ่ายค่าแรงที่ค้างมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 ระหว่างการชุมนุม มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอศรีราชาและตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรแหลมฉบังเข้าร่วมสังเกตการณ์เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย

สาเหตุของการประท้วง:

จากการสอบถามผู้ประท้วง พบว่าพวกเขาได้พยายามเจรจากับผู้เกี่ยวข้องมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาหรือคำชี้แจงใดๆ เกี่ยวกับสาเหตุของการไม่จ่ายค่าแรง สถานการณ์นี้สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มพนักงานเป็นอย่างมาก จนนำไปสู่การตัดสินใจชุมนุมประท้วงในครั้งนี้

ความซับซ้อนของปัญหา:

จากการสืบสวนเพิ่มเติม พบว่าปัญหานี้มีความซับซ้อนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก โดยเกี่ยวข้องกับบริษัทผู้รับเหมาหลายราย ซึ่งรวมถึงบริษัท ซิโนเพค เอ็นจิเนียริ่ง กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (SINOPEC) ที่เป็นผู้รับเหมาช่วงของกิจการร่วมค้า Unincorporated Joint Venture of Petrofac, Saipem, Samsung (UJV) ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลักในโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) ของไทยออยล์

การตอบสนองของไทยออยล์:

ไทยออยล์ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วในการจัดการกับสถานการณ์ โดยได้ประสานงานให้มีการหารือร่วมกันระหว่างตัวแทนกลุ่มผู้ใช้แรงงาน หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และ UJV เพื่อหาทางออกร่วมกัน อย่างไรก็ตาม การเจรจายังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในทันที ทำให้การชุมนุมประท้วงยังคงดำเนินต่อไป

 ผลกระทบต่อชุมชนและเศรษฐกิจท้องถิ่น

การประท้วงครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อบริษัทและแรงงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อชุมชนและเศรษฐกิจท้องถิ่นในพื้นที่อำเภอศรีราชาด้วย การปิดถนนทางเข้าโรงกลั่นน้ำมันทำให้การจราจรในบริเวณนั้นติดขัด ส่งผลให้ธุรกิจในละแวกใกล้เคียงได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมในพื้นที่ หากปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม

สรุป

ไทยออยล์ยืนยันว่าบริษัทฯ ได้ดำเนินการดูแลและมีบุคลากรที่พร้อมในการรักษาความปลอดภัยของโรงกลั่น พร้อมทั้งแสดงความหวังว่า UJV และ SINOPEC จะสามารถบรรลุข้อตกลงและให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่ได้รับผลกระทบทุกคนโดยเร็ว ในฐานะที่เป็นผู้ว่าจ้างกลุ่มผู้ใช้แรงงานดังกล่าว สถานการณ์นี้ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าจะมีการแก้ไขปัญหาอย่างไรต่อไป