เหตุการณ์สุดดราม่าได้เกิดขึ้นในการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิกเกมส์ 2024 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในคืนวันพุธที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ระหว่างการพบกันของทีมชาติอาร์เจนตินาและโมร็อกโก โดยเกมนี้ได้สร้างความตื่นเต้นและความวุ่นวายให้กับวงการฟุตบอลอย่างมาก
ความวุ่นวายเริ่มต้นขึ้นในนาทีที่ 90+16 ของการแข่งขัน เมื่อ คริสเตียน เมดิน่า กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินา สามารถยิงประตูตีเสมอให้กับทีม “ฟ้าขาว” ได้สำเร็จ ทำให้สกอร์กลายเป็น 2-2 อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของผู้ตัดสินที่ทดเวลาการแข่งขันยาวนานเกินปกติ ได้สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนบอลฝั่งโมร็อกโกเป็นอย่างมาก พวกเขามองว่าการตัดสินใจดังกล่าวอาจเป็นความพยายามในการล็อกผลการแข่งขัน
ความโกลาหลในสนาม: จุดเปลี่ยนของเกมการแข่งขัน
สถานการณ์ได้บานปลายขึ้นเมื่อแฟนบอลโมร็อกโกบางส่วนได้ขว้างปาสิ่งของลงมาในสนาม และมีผู้ชมบางคนถึงกับวิ่งลงไปในสนามแข่งขัน เหตุการณ์นี้ส่งผลให้นักฟุตบอลทั้งสองทีมต้องรีบวิ่งหนีเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อความปลอดภัย การแข่งขันจึงต้องหยุดชะงักลงเป็นเวลานานถึง 1 ชั่วโมง 40 นาที
หลังจากสถานการณ์คลี่คลาย ผู้ตัดสินได้เรียกทั้งสองทีมกลับมาแข่งขันต่อ แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อระบบ VAR แจ้งว่าประตูตีเสมอของทีมอาร์เจนตินาเกิดจากจังหวะล้ำหน้า ทำให้ผลการแข่งขันกลับไปเป็น 2-1 ในfavor ของทีมโมร็อกโก การแข่งขันดำเนินต่อไปอีกเพียง 3 นาที โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสกอร์ ส่งผลให้ทีมอาร์เจนตินา หนึ่งในทีมตัวเต็งของการแข่งขันครั้งนี้ ต้องพบกับความพ่ายแพ้ในนัดเปิดสนามอย่างน่าเสียดาย
เมื่อข่าวเหตุการณ์อันวุ่นวายนี้แพร่สะพัดออกไป ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาชุดใหญ่ ได้แสดงความรู้สึกผ่านโซเชียลมีเดียอย่างกระชับและตรงไปตรงมา โดยโพสต์เพียงคำเดียวเป็นภาษาสเปนว่า “Insólito” ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “เหลือเชื่อ” หรือ “ผิดปกติ” สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกตกตะลึงและไม่พอใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับรุ่นน้องในทีมชาติของเขา
เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อผลการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับมาตรฐานการตัดสินและความปลอดภัยในการจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ ซึ่งคาดว่าจะนำไปสู่การทบทวนและปรับปรุงกฎระเบียบในอนาคตเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก