“พิธา” ยิ้มสู้หลังคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ยืนยันมุ่งมั่นทำงานเพื่อประเทศต่อไป

ในวันที่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยจารึกอีกหน้าสำคัญ ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเอกฉันท์ 9-0 เสียง ให้ยุบพรรคก้าวไกล พรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ คำวินิจฉัยนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีมติเอกฉันท์เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค พร้อมทั้งตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคเป็นระยะเวลา 10 ปี

ผลของคำวินิจฉัยไม่เพียงแต่ส่งผลให้พรรคก้าวไกลต้องยุติบทบาททางการเมืองในฐานะพรรคการเมือง แต่ยังส่งผลกระทบต่อคณะกรรมการบริหารพรรคอย่างกว้างขวาง โดยศาลได้สั่งเพิกถอนสิทธิ์ของกรรมการบริหารพรรคที่ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2564 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2567 ซึ่งครอบคลุมคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งสองยุคของพรรคก้าวไกล นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลเป็นระยะเวลา 10 ปี นับจากวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง

ท่าทีของ “พิธา” หลังฟังคำวินิจฉัย

ภายหลังการอ่านคำวินิจฉัย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เดินออกจากห้องพิจารณาคดีมายังโถงหน้าศาลรัฐธรรมนูญ ท่ามกลางสายตาของสื่อมวลชนและประชาชนที่รอติดตามสถานการณ์ แม้จะเผชิญกับข่าวร้าย แต่นายพิธายังคงรักษารอยยิ้มไว้บนใบหน้า พร้อมทั้งโบกมือทักทายผู้สื่อข่าวและประชาชนที่มารอให้กำลังใจ

ในขณะที่เดินผ่าน มีเสียงตะโกนจากประชาชนดังขึ้นว่า “รักพรรคก้าวไกล” และ “จะเลือกตลอดไป” แสดงให้เห็นถึงแรงสนับสนุนที่ยังคงมีต่อพรรคและตัวนายพิธา แม้ในยามวิกฤต นายพิธาได้กล่าวสั้นๆ ก่อนขึ้นรถกลับว่า เขาจะให้สัมภาษณ์อย่างละเอียดที่ที่ทำการพรรค

ความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลง

แม้จะเผชิญกับอุปสรรคครั้งใหญ่ นายพิธายืนยันด้วยความมั่นใจว่า เขาและทีมงานจะยังคงทำงานเพื่อประเทศชาติต่อไป โดยกล่าวว่า “แม้จะไม่ได้อยู่ในสภา หรือทำเนียบรัฐบาล เราก็ยังสามารถทำงานเพื่อประเทศในฐานะพลเมืองได้” คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นถึงอุดมการณ์และความตั้งใจที่จะยังคงมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ แม้จะอยู่นอกระบบการเมืองอย่างเป็นทางการ

การยุบพรรคก้าวไกลครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการเมืองไทย แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่า แนวคิดและอุดมการณ์ของพรรคยังคงมีชีวิตอยู่ผ่านการสนับสนุนของประชาชนและความมุ่งมั่นของผู้นำพรรคอย่างนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่พร้อมจะเดินหน้าทำงานเพื่อประเทศชาติต่อไป แม้จะอยู่นอกสภาผู้แทนราษฎรก็ตาม