เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่สถานีตำรวจภูธรรัตนาธิเบศร์ จังหวัดนนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายณัฐวุฒิ หรือ “เจ๊นัท” อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมนายวิศว แต้มประสิทธิ์ หรือ “ซัน” นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจากถูกจับกุมได้ที่บ้านเกิดในอำเภอพยุหคีรี จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อคืนก่อน
พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรรัตนาธิเบศร์ ได้เข้าพูดคุยกับผู้ต้องหาในห้องควบคุมเป็นเวลาประมาณ 20 นาที ก่อนที่จะนำตัวไปทำแผนที่จุดเกิดเหตุเพื่อประกอบสำนวนคดี นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรียังได้เก็บตัวอย่าง DNA จากกระพุ้งแก้มและเส้นผมของผู้ต้องหา เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ
การทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ทีมสืบสวนนำโดย พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ พ.ต.อ.คมกฤษณ์ คำบุศย์ ผู้กำกับการกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี และ พ.ต.ท.ศุภชัย ศรีศักดิ์ รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ “พยัคฆ์นนท์ 66” ได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนที่ห้องพักซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ ในซอยประชาชื่นนนทบุรี 8 แยก 1 ตำบลบางเขน อำเภอเมืองนนทบุรี
ระหว่างการทำแผน ผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวอย่างเข้มงวดและสวมหมวกกันน็อคเพื่อปกปิดใบหน้า เมื่อสื่อมวลชนพยายามสอบถามถึงมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุ ผู้ต้องหาเลือกที่จะปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามใดๆ การทำแผนใช้เวลาประมาณ 20 นาที โดยเจ้าของหอพักไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปถ่ายภาพในพื้นที่
ปมเหตุการณ์สลด: จากการหยิบยืมเงินสู่โศกนาฏกรรม
จากการสอบสวนเบื้องต้น พ.ต.อ.พิสุทธิ์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพและให้ข้อมูลที่สอดคล้องกับหลักฐานที่ตำรวจรวบรวมได้ ปมเหตุของการก่อเหตุเริ่มจากปัญหาเรื่องเงิน โดยผู้ต้องหาและผู้เสียชีวิตมีการหยิบยืมเงินกันก่อนหน้านี้ เป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท และต่อมาเปลี่ยนเป็น 5,000 บาท ทั้งสองฝ่ายมีการพูดคุยกันแต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จนนำไปสู่การทะเลาะวิวาท
ผู้ต้องหาสารภาพว่าได้ใช้มีดที่พบในห้องแทงผู้เสียชีวิต จากนั้นได้นำผ้านวมมากองสุมบนร่างของผู้เสียชีวิตแล้วจุดไฟเผา โดยโยนมีดที่ใช้ก่อเหตุลงในกองไฟด้วย หลังก่อเหตุ ผู้ต้องหาได้ขโมยรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า ฟีโน่ สีขาวแดง ทะเบียน ฬทล461 กรุงเทพมหานคร เพื่อหลบหนี
ผู้ต้องหาและผู้เสียชีวิตรู้จักกันผ่านทาง Facebook ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และมีการติดต่อกันมาโดยตลอด วันเกิดเหตุเป็นวันที่ทั้งคู่นัดพบกันเป็นครั้งแรก โดยผู้ต้องหาเดินทางมาจากโรงแรมย่านพญาไท กรุงเทพฯ
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหารวม 4 ข้อหา ได้แก่ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา วางเพลิงเผาทรัพย์ อำพรางศพ และลักทรัพย์ โดยในวันเดียวกันนี้ เวลา 13.00 น. ตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนนทบุรี
เสียงสะท้อนจากสังคม: ความโล่งใจและความหวาดกลัว
น้องเมย์ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดียวกับผู้เสียชีวิต แสดงความรู้สึกโล่งใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว เธอกล่าวว่ารู้สึกเศร้าและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่คิดว่าจะมีการกระทำที่โหดร้ายเช่นนี้เกิดขึ้น
ด้านคุณน้อย (นามสมมติ) อายุ 45 ปี เพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ติดกับหอพักที่เกิดเหตุ เล่าว่าในวันเกิดเหตุ เธอตกใจมากเพราะคิดว่าไฟจะลุกลามมาถึงบ้านของตน แต่โชคดีที่ผู้อยู่อาศัยในหอพักช่วยกันดับไฟได้อย่างรวดเร็ว คุณน้อยแสดงความชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว และกล่าวว่าหลังเกิดเหตุ ผู้คนในละแวกนั้นยังคงหวาดกลัว แต่การจับกุมผู้ต้องหาได้ทำให้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก
เหตุการณ์อันน่าสลดใจครั้งนี้ได้สร้างความตกใจและความหวาดกลัวให้กับชุมชน แต่การทำงานอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ช่วยบรรเทาความกังวลของประชาชนลงได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ยังคงมีคำถามมากมายเกี่ยวกับสาเหตุที่แท้จริงของการก่อเหตุ และสังคมยังคงต้องตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันอาชญากรรมและการสร้างความปลอดภัยในชุมชน