เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลคันนายาวได้ดำเนินการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 5 ราย ซึ่งถูกพบว่ามีการนัดหมายรวมตัวเพื่อแข่งรถจักรยานยนต์บนถนนสาธารณะผ่านทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเช้ามืดของวันที่ 27 กรกฎาคม 2567 บริเวณแยกซาฟารีเวิลด์ ย่านรามอินทรา กรุงเทพมหานคร
การจับกุมครั้งนี้เป็นผลมาจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากได้รับแจ้งผ่านสายด่วน 191 ว่ามีกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวแข่งรถในพื้นที่ดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง ทีมสืบสวนได้ตรวจสอบข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดียและพบโพสต์ชักชวนให้มีการรวมตัวแข่งรถ โดยใช้ชื่อเฟซบุ๊ก “รามอินทรารถซิ่ง และเจ้าพ่อหลังถนน”
ในคืนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลคันนายาว พร้อมด้วยกำลังเสริม ได้เข้าสกัดจับกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังรวมตัวกันกว่า 20 คน เตรียมพร้อมที่จะแข่งขัน แม้ส่วนใหญ่จะหลบหนีไปได้ แต่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัย 5 รายพร้อมยึดรถจักรยานยนต์ไว้เป็นของกลาง
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเตือนถึงบทลงโทษ
พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ได้ออกมาเตือนว่าการกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดทางอาญา ซึ่งศาลมักจะพิพากษาลงโทษอย่างหนัก รวมถึงการริบรถที่ใช้ในการก่อเหตุเป็นของกลาง
ท่านได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการป้องกันและปราบปรามพฤติกรรมเสี่ยงอันตรายเหล่านี้ โดยกล่าวว่า “การแข่งรถในทางสาธารณะและการขับขี่โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยนั้น สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นวงกว้าง เราจึงขอความร่วมมือจากผู้ปกครองในการดูแลและให้คำแนะนำบุตรหลานของท่าน อย่าปล่อยปละละเลยหรือเพิกเฉยต่อพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้”
การดำเนินการของเจ้าหน้าที่
ในการจับกุมครั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ซึ่งมีอายุระหว่าง 13-20 ปี ถูกแจ้งข้อหาต่างๆ ได้แก่ พยายามแข่งรถในทาง ขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาต และไม่สวมหมวกนิรภัย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดรถจักรยานยนต์ไว้ 5 คันเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม และจะดำเนินการส่งฟ้องศาลต่อไป
พลตำรวจโท สำราญ ยังได้แจ้งว่า ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหานี้ได้ โดยหากพบเห็นการรวมตัวหรือการโพสต์ชักชวนให้มีการแข่งรถในทางสาธารณะ สามารถแจ้งเหตุได้ที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที
บทสรุป
การจับกุมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปราบปรามการแข่งรถผิดกฎหมายบนท้องถนน ซึ่งนอกจากจะเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่เองแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปด้วย ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งเจ้าหน้าที่ ผู้ปกครอง และตัวเยาวชนเอง ในการสร้างความตระหนักถึงความปลอดภัยบนท้องถนนและการเคารพกฎจราจร