ไทยเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกด้วยมาตรการวีซ่าฟรี 93 ประเทศ เริ่ม 15 กรกฎาคม 2567

กระทรวงมหาดไทยประกาศมาตรการใหม่เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซั่น โดยขยายรายชื่อประเทศและดินแดนที่ได้รับสิทธิยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่าฟรี) จาก 57 เป็น 93 ประเทศ/ดินแดน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป ผู้ได้รับสิทธิสามารถพำนักในประเทศไทยได้นานถึง 60 วัน เพื่อการท่องเที่ยว ติดต่อธุรกิจ และทำงานระยะสั้น

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้ลงนามในประกาศทั้ง 4 ฉบับแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการนำเสนอให้นายกรัฐมนตรีลงนาม ก่อนที่จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงโลว์ซีซั่น และอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง (Ease of Travelling) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยในเวทีโลก

รายละเอียดของมาตรการใหม่:

1. ขยายรายชื่อประเทศ/ดินแดนที่ได้รับสิทธิวีซ่าฟรี จาก 57 เป็น 93 ประเทศ/ดินแดน
2. เพิ่มจำนวนประเทศที่ได้รับสิทธิ Visa on Arrival (VOA) จาก 19 เป็น 31 ประเทศ/ดินแดน
3. เปิดตัววีซ่าประเภทใหม่ “Destination Thailand Visa” (DTV) สำหรับผู้ที่ต้องการพำนักระยะยาวเพื่อทำงานและท่องเที่ยว
4. ปรับปรุงสิทธิสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปในประเทศไทย

มาตรการพิเศษสำหรับกลุ่ม Digital Nomad และผู้มีทักษะสูง:

รัฐบาลไทยได้ออกวีซ่าประเภทใหม่ “Destination Thailand Visa” (DTV) เพื่อดึงดูดกลุ่มคนทำงานทางไกล (Digital Nomad) และผู้มีทักษะสูงให้เข้ามาพำนักในประเทศไทยระยะยาว โดยผู้ถือวีซ่าประเภทนี้จะสามารถอยู่ในประเทศไทยได้นานถึง 180 วันต่อครั้ง และมีอายุการตรวจลงตรา 5 ปี นอกจากนี้ ยังครอบคลุมถึงผู้ที่ต้องการเข้ามาเรียนมวยไทย ศิลปะป้องกันตัว ทำอาหาร ฝึกซ้อมกีฬา รักษาพยาบาล อบรม สัมมนา และจัดแสดงศิลปะและดนตรีอีกด้วย

มาตรการเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่การท่องเที่ยวทั่วโลกกำลังฟื้นตัวจากผลกระทบของการระบาดของโควิด-19 การเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวและผู้มีทักษะจากทั่วโลกนี้ จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการท่องเที่ยว การทำงาน และการลงทุนในระยะยาว