“หวัง อี้” แสดงความยินดี จีน-ไทยก้าวสู่ “ยุคฟรีวีซ่า” คาดหนุนการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจรุ่งเรือง

นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แสดงความชื่นชมต่อความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างจีนและไทย พร้อมทั้งแสดงความยินดีที่ทั้งสองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงยกเว้นวีซ่าร่วมกัน ซึ่งจะนำพาความสัมพันธ์ทวิภาคีเข้าสู่ “ยุคฟรีวีซ่า” อย่างเต็มรูปแบบ โดยคาดว่าจะส่งผลให้เกิดการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศอย่างคึกคักอีกครั้ง

ในระหว่างการเยือนไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2567 นายหวัง อี้ ได้หารือกับนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ในการประชุมหารือประจำปี ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงลึกและบรรลุฉันทามติหลายประการเกี่ยวกับการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคี

นายหวัง อี้ กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยได้ผ่านการทดสอบจากความท้าทายต่างๆ ในเวทีระหว่างประเทศมาตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา และยังคงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ โดยจีนถือว่าไทยเป็นประเทศที่มีความสำคัญลำดับต้นๆ ในด้านการทูตกับประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมทั้งชื่นชมที่ไทยยึดมั่นในหลักการจีนเดียวอย่างมั่นคง

การลงนามในข้อตกลงยกเว้นวีซ่าร่วมกันครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยนายหวัง อี้ เชื่อมั่นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเดินทางมาเยือนประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นสูงสุดอีกครั้งอย่างแน่นอน ในขณะเดียวกัน จีนก็ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยให้มาสัมผัสกับความมีชีวิตชีวาและวัฒนธรรมอันหลากหลายของแผ่นดินจีนเช่นกัน

ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน

นอกจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวแล้ว นายหวัง อี้ ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและไทย โดยระบุว่าจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดและเป็นแหล่งการลงทุนจากต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดของไทย ทั้งสองประเทศมีเป้าหมายร่วมกันในการเร่งพัฒนาสู่ความทันสมัยและก้าวให้ทันยุคสมัย

ในการนี้ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะเร่งการก่อสร้างทางรถไฟจีน-ไทย และพยายามผลักดันแนวคิดการพัฒนาการเชื่อมต่อจีน-ลาว-ไทยให้เกิดเป็นรูปธรรม รวมถึงการเปิดตัวเส้นทางตอนกลางของรถไฟสายแพนเอเชียโดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้ จีนยังแสดงความมุ่งมั่นที่จะนำเข้าผลผลิตทางการเกษตรคุณภาพสูงจากไทยเพิ่มมากขึ้น สนับสนุนให้บริษัทจีนเข้ามาลงทุนและเริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทย พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาในด้านต่างๆ เช่น ยานยนต์พลังงานใหม่ เศรษฐกิจดิจิทัล และการพัฒนาสีเขียว

ความร่วมมือด้านความมั่นคงและการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ

ทั้งสองประเทศยังให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคง โดยมุ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทางอาญาข้ามพรมแดนอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์ การพนันออนไลน์ และการค้ายาเสพติด ทั้งนี้เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเอื้ออำนวยต่อการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ

ในโอกาสที่จะมีการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทยในปีหน้า นายหวัง อี้ ได้กล่าวย้ำว่า จีนพร้อมที่จะร่วมมือกับไทยในการปฏิบัติตามฉันทามติสำคัญของผู้นำทั้งสองประเทศ เพื่อร่วมกันสร้างชุมชนที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน-ไทยที่มีความมั่นคง เจริญรุ่งเรือง และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นการส่งเสริมเสถียรภาพและความแน่นอนให้กับภูมิภาคและโลกที่กำลังเผชิญกับความท้าทายต่างๆ