ในวันที่ 28 มกราคม 2567 รัฐบาลไทยและจีนได้บรรลุข้อตกลงสำคัญในการยกเว้นวีซ่าระหว่างกัน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป โดยนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย และนายหวัง อี้ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศประจำพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้ร่วมลงนามในความตกลงดังกล่าว
สาระสำคัญของข้อตกลง:
1. ยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทย และผู้ถือหนังสือเดินทางกึ่งราชการและหนังสือเดินทางธรรมดาของจีน
2. อนุญาตให้พำนักได้ไม่เกิน 30 วันต่อครั้ง
3. ระยะเวลาพำนักรวมต้องไม่เกิน 90 วัน ภายในช่วงเวลา 180 วัน
4. ไม่ครอบคลุมกรณีการพำนักถาวร การทำงาน การศึกษา กิจกรรมด้านสื่อ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่ต้องได้รับอนุญาตล่วงหน้า
ความเป็นมาของข้อตกลง:
ข้อตกลงนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการเยือนจีนอย่างเป็นทางการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทย เมื่อเดือนตุลาคม 2566 ซึ่งได้หารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราระหว่างกัน
ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น:
การลงนามในครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการท่องเที่ยวและการค้า นายปานปรีย์ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าข้อตกลงนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ทั้งเพื่อการท่องเที่ยวและการติดต่อธุรกิจ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศอย่างมีนัยสำคัญ
ปฏิกิริยาจากภาครัฐ:
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงความสำคัญของข้อตกลงนี้ว่าเป็นการสะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทยและจีน ในขณะที่นายปานปรีย์ได้แสดงความเห็นผ่านทวิตเตอร์ว่า ข้อตกลงนี้เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพอันยาวนานและความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างสองประเทศในทุกระดับ
ทั้งนี้ นายหวัง อี้ มีกำหนดการเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีไทยในวันที่ 29 มกราคม 2567 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 26-29 มกราคม 2567 อันจะเป็นโอกาสในการหารือและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น