“ฐาปนีย์” ก้าวขึ้นเป็นผู้ว่า ททท. คนใหม่ ท่ามกลางความท้าทายของตลาดท่องเที่ยวจีน

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมต้อนรับผู้นำคนใหม่ เมื่อ น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ททท. คนใหม่ โดยจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 1 กันยายน 2566 แทนนายยุทธศักดิ์ สุภสร ที่จะครบวาระในวันที่ 31 สิงหาคม 2566

น.ส.ฐาปนีย์ ถือเป็น “ลูกหม้อ” ของ ททท. โดยเริ่มทำงานตั้งแต่ปี 2542 และได้รับการแต่งตั้งเป็นรองผู้ว่าการตั้งแต่อายุ 44 ปี ปัจจุบันอายุ 49 ปี มีโอกาสที่จะดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ททท. ได้ถึงสองสมัย น.ส.ฐาปนีย์ได้แสดงความขอบคุณต่อคณะกรรมการ ททท. ที่ให้ความไว้วางใจ และยืนยันว่าพร้อมสานต่อภารกิจส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายที่วางไว้

ความท้าทายในตลาดนักท่องเที่ยวจีน

ในขณะที่ ททท. เตรียมต้อนรับผู้นำคนใหม่ ภาคธุรกิจท่องเที่ยวกำลังเผชิญกับความท้าทายในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในกระบวนการออกวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีน โดยปัจจุบันใช้เวลาถึง 15 วันทำการ ซึ่งยาวนานกว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 ที่ใช้เวลาเพียง 3-5 วัน

นายศิษฎิวัชรเรียกร้องให้กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เร่งปรับปรุงกระบวนการออกวีซ่าให้รวดเร็วขึ้น เพื่อรองรับการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวจีน โดยหวังว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนให้ได้ถึง 5 ล้านคนตามเป้าหมายของ ททท. หรืออาจถึง 7 ล้านคนตามความคาดหวังของภาคเอกชน

ผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยว

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการแอตต้า ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของความล่าช้าในการออกวีซ่าต่อธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มทัวร์ขนาดใหญ่และกลุ่มอินเซนทีฟ ล่าสุดมีรายงานว่ากลุ่มอินเซนทีฟขนาด 10,000 คนได้ยกเลิกการเดินทางมาประเทศไทยและเลือกไปประเทศอื่นแทน

นอกจากนี้ ความล่าช้าในการออกวีซ่ายังส่งผลกระทบต่อการทำตลาดแบบ Last Minute ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ตัดสินใจเดินทางในนาทีสุดท้าย

ข้อเสนอแนะและความคาดหวัง

ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงกระบวนการออกวีซ่าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวจีน โดยหวังว่าการปรับปรุงนี้จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนได้ถึง 600,000 คนต่อเดือนในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ซึ่งจะช่วยผลักดันให้บรรลุเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวจีน 5 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้