ในความพยายามที่จะรักษาสถานะความเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก ฮ่องกงได้ประกาศแผนวีซ่าฉบับใหม่อย่างเป็นทางการ โดยมุ่งเป้าไปที่การดึงดูดชาวต่างชาติที่มีรายได้สูงและมีทักษะเข้ามาทำงานในเขตบริหารพิเศษแห่งนี้ การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความท้าทายที่ฮ่องกงกำลังเผชิญกับปัญหาการสูญเสียบุคลากรที่มีความสามารถ หรือที่เรียกว่า “สมองไหล” ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสถานะทางการเงินของเมือง
จอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ได้เปิดเผยรายละเอียดของโครงการ “Top Talent Pass Scheme” ในวันพุธที่ผ่านมา โดยภายใต้มาตรการใหม่นี้ ชาวต่างชาติที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์จะได้รับโอกาสในการทำงานหรือหางานในฮ่องกงเป็นระยะเวลา 2 ปี โดยมีเงื่อนไขดังนี้:
1. มีรายได้อย่างน้อย 2.5 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 12 ล้านบาท) ต่อปีขึ้นไป
2. จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก
นอกจากนี้ รัฐบาลฮ่องกงยังได้เตรียมมาตรการจูงใจเพิ่มเติมเพื่อดึงดูดแรงงานทักษะสูง ดังนี้:
– สิทธิประโยชน์ทางภาษี
– การอำนวยความสะดวกในกระบวนการจ้างงาน
– สิทธิพิเศษสำหรับผู้ซื้อบ้านรายใหม่ที่เป็นชาวต่างชาติ โดยจะได้รับเงินภาษีคืนบางส่วนสำหรับการซื้อบ้านหลังแรก เมื่อได้รับสถานะผู้พำนักถาวร
ปัจจัยที่นำไปสู่การออกมาตรการใหม่
การประกาศแผนวีซ่าใหม่นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ฮ่องกงกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ซึ่งส่งผลให้ประชากรจำนวนมากตัดสินใจย้ายออกจากเมือง โดยมีสาเหตุหลักดังนี้:
1. มาตรการปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมือง
2. การจำกัดเสรีภาพของประชาชนอันเป็นผลมาจากกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่
3. มาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวด
ผลกระทบต่อประชากรและเศรษฐกิจ
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติฮ่องกงเผยให้เห็นถึงผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อจำนวนประชากร:
– ประชากรฮ่องกงลดลง 1.6% หรือประมาณ 113,200 คน ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา
– นับเป็นการลดลงของประชากรที่มากที่สุดในรอบ 60 ปี นับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูลสำมะโนประชากร
การแข่งขันกับศูนย์กลางการเงินอื่น
ฮ่องกงกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากศูนย์กลางการเงินอื่นๆ ในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิงคโปร์ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ได้แซงหน้าฮ่องกงในการจัดอันดับศูนย์กลางทางการเงินโลก นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังได้ออกมาตรการดึงดูดแรงงานทักษะสูงเช่นกัน โดยเสนอวีซ่าทำงาน 5 ปีสำหรับผู้ที่มีรายได้อย่างน้อย 30,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อเดือน พร้อมสิทธิประโยชน์พิเศษอื่นๆ
มุมมองของผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง
จอห์น ลี ยืนยันว่าฮ่องกงยังคงมีศักยภาพในการแข่งขันสูง โดยกล่าวว่า “เราต้องมีมาตรการเชิงรุกและเข้มข้นมากขึ้นในการแข่งขันเพื่อองค์กรและเฟ้นหาแรงงานมีทักษะ นอกเหนือจากการรักษาแรงงานท้องถิ่นที่มีอยู่” นอกจากนี้ เขายังเน้นย้ำถึงจุดแข็งของฮ่องกง ซึ่งรวมถึง:
– ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เป็นประโยชน์
– คุณภาพของประชากรและการศึกษา
– ความเป็นศูนย์กลางการเงิน การขนส่งสินค้า และการค้าของโลก
– การผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออก
– แผนการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
สรุป
แผนวีซ่าใหม่ของฮ่องกงถือเป็นความพยายามครั้งสำคัญในการฟื้นฟูและรักษาสถานะความเป็นศูนย์กลางทางการเงินและธุรกิจระดับโลก ท่ามกลางความท้าทายจากปัญหาสมองไหลและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากเมืองคู่แข่งอย่างสิงคโปร์และดูไบ ความสำเร็จของมาตรการนี้จะขึ้นอยู่กับการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นแรงงานทักษะสูงจากต่างประเทศ