นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย ได้นำเสนอแนวทางการฟื้นฟูธุรกิจการท่องเที่ยวและการบินต่อรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในภาพรวม โดยมีข้อเสนอสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
1. การสนับสนุนนโยบายและแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง
ไทยแอร์เอเชียเสนอให้รัฐบาลออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเน้นการลดต้นทุนการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง เพื่อกระจายรายได้และพัฒนาเศรษฐกิจในทุกภูมิภาคของประเทศ มาตรการเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศและสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
2. การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าชั่วคราวสำหรับนักท่องเที่ยวจีน
นายสันติสุขเสนอให้รัฐบาลพิจารณายกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival) เป็นระยะเวลา 6 เดือน สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งปัจจุบันมีค่าธรรมเนียม 2,000 บาทต่อคน มาตรการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนให้เดินทางมาประเทศไทยมากขึ้น
จากสถิติล่าสุด ในช่วง 1 มกราคม ถึง 20 สิงหาคม 2566 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยเพียง 2.1 ล้านคน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5 ล้านคน นายสันติสุขเชื่อว่าการยกเว้น VOA จะช่วยกระตุ้นให้ชาวจีนเดินทางมาไทยเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปี อย่างไรก็ตาม ประสิทธิผลของมาตรการนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการประกาศใช้ หากสามารถดำเนินการได้เร็ว ก็จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวมากขึ้น
3. การขยายสิทธิการบินระหว่างไทยและอินเดีย
ไทยแอร์เอเชียเสนอให้มีการเพิ่มความถี่เส้นทางบินในตลาดเอเชียใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 6 เมืองหลักของอินเดีย ได้แก่ นิวเดลี มุมไบ บังกาลอร์ โกลกาตา เชนไน และไฮเดอราบาด เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวอินเดียกำลังเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย การขยายเส้นทางบินจะช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจากอินเดียได้มากขึ้น
นโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมการบิน: การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันอากาศยาน
นอกเหนือจากข้อเสนอข้างต้น สมาคมสายการบินในประเทศไทยยังมีแผนที่จะยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลใหม่พิจารณาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันอากาศยาน (Jet fuel) เพื่อช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานของสายการบิน ซึ่งจะส่งผลให้สามารถกำหนดราคาบัตรโดยสารที่แข่งขันได้ดีขึ้น
ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 รัฐบาลเคยปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันอากาศยานเหลือ 20 สตางค์ต่อลิตร แต่มาตรการดังกล่าวได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ทำให้อัตราภาษีกลับไปอยู่ที่ 4.726 บาทต่อลิตรเช่นเดิม ส่งผลให้ค่าโดยสารต้องปรับขึ้นประมาณ 100 บาทต่อที่นั่ง
นายสันติสุขกล่าวว่า หากรัฐบาลสามารถลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน Jet ลงครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 2 บาทต่อลิตร จะช่วยให้สายการบินสามารถลดค่าโดยสารลงได้ประมาณ 50 บาทต่อที่นั่ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้โดยสารและช่วยกระตุ้นการเดินทางทางอากาศ
นายสันติสุขยังแสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปัจจุบัน ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาล ก็จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยประมาณ 25-30 ล้านคน โดยเป็นนักท่องเที่ยวจีน 5 ล้านคน ซึ่งแม้จะยังไม่ถึงระดับสูงสุดก่อนการระบาดของโควิด-19 ที่เคยมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาถึง 11 ล้านคนต่อปี แต่ก็แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายสันติสุขยังคงเห็นว่ามีความท้าทายบางประการ เช่น การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนที่ยังไม่แข็งแกร่งนัก ซึ่งอาจส่งผลต่อกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวจีน นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยของประเทศไทยที่ต้องได้รับการแก้ไขและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ด้วยเหตุนี้ นายสันติสุขจึงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการที่ภาครัฐจะต้องออกมาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบินโดยเร็ว เพื่อช่วยให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายด้านการท่องเที่ยวและฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ