สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ได้ก้าวเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 อย่างเต็มรูปแบบด้วยการเปิดตัวระบบการขอวีซ่าออนไลน์ หรือ E-Visa on Arrival (E-VOA) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดหลักที่สร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย
ระบบใหม่นี้เปิดให้บริการผ่านเว็บไซต์ www.evisathailand.com โดยนักท่องเที่ยวสามารถยื่นขอวีซ่าได้ล่วงหน้าสูงสุด 30 วัน หรืออย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการรอคิวที่สนามบินและอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศไทยอย่างมาก
การนำร่องระบบ E-VOA จะเริ่มต้นที่ 5 สนามบินหลักของประเทศไทย ได้แก่:
1. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (เริ่ม 15 พฤศจิกายน 2561)
2. ท่าอากาศยานดอนเมือง (เริ่ม 15 พฤศจิกายน 2561)
3. ท่าอากาศยานภูเก็ต (เริ่ม 19 พฤศจิกายน 2561)
4. ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (เริ่ม 26 พฤศจิกายน 2561)
5. ท่าอากาศยานกระบี่ (จะเปิดให้บริการในระยะต่อไป)
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจาก 20 ประเทศ และ 1 เขตเศรษฐกิจไต้หวัน เป็นระยะเวลา 60 วัน ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 ถึง 13 มกราคม 2562 ในช่วงนี้ นักท่องเที่ยวจะเสียเพียงค่าบริการออนไลน์ 525 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) แทนค่าธรรมเนียมปกติ 2,000 บาท
ขั้นตอนการขอวีซ่าออนไลน์:
1. นักท่องเที่ยวกรอกข้อมูลส่วนตัวและรายละเอียดการเดินทางผ่านเว็บไซต์
2. อัปโหลดเอกสารสำคัญ เช่น ตั๋วเครื่องบินและหนังสือเดินทาง
3. ชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบออนไลน์
4. รอการยืนยันเอกสารผ่านทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง
5. เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย นำสำเนาใบยืนยันที่ได้รับทางอีเมลยื่นที่ช่องตรวจคนเข้าเมืองพิเศษที่จัดไว้ให้
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า ระบบ E-VOA นี้จะช่วยลดระยะเวลาการรอคอยที่สนามบิน อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว และสร้างความประทับใจตั้งแต่จุดแรกที่เข้าประเทศไทย นอกจากนี้ ยังช่วยลดการใช้เอกสาร และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บค่าธรรมเนียม
ความสะดวกและประโยชน์ของระบบ E-VOA:
1. สามารถยื่นขอวีซ่าได้ตลอดเวลาจากทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต
2. ใช้งานง่ายผ่านระบบออนไลน์ ตั้งแต่การกรอกข้อมูลจนถึงการชำระเงิน
3. ประหยัดเวลาในการรอคิวที่สนามบิน
4. มีความปลอดภัยด้วยมาตรฐานการชำระเงินระดับสากล
5. มีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง
คาดว่าในอนาคต จำนวนผู้ใช้บริการ E-VOA จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นทางเลือกที่สะดวกและรวดเร็วกว่าการเข้าคิวที่เคาน์เตอร์ขอวีซ่าหรือการไปขอวีซ่าที่สถานทูต ซึ่งอาจใช้เวลานานถึงหลายสัปดาห์ การพัฒนาระบบนี้สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศไทยในระยะยาว