กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา (Department of Homeland Security หรือ DHS) ได้ประกาศมาตรการใหม่เกี่ยวกับการออกวีซ่าสำหรับพลเมืองของประเทศพม่าและลาว เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยมีการสั่งการให้สถานกงสุลสหรัฐฯ ทั่วโลกเพิ่มความเข้มงวดในการพิจารณาออกวีซ่าบางประเภทให้แก่ชาวพม่าและลาว
สาเหตุหลักของการตัดสินใจครั้งนี้มาจากการที่รัฐบาลของทั้งสองประเทศปฏิเสธที่จะรับพลเมืองของตนที่ถูกทางการสหรัฐฯ เนรเทศกลับประเทศ ซึ่งสร้างความยากลำบากให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ในการจัดการกับบุคคลเหล่านี้ ทำให้สหรัฐฯ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจอนุญาตให้บุคคลที่ถูกเรียกว่า “อาชญากรอันตราย” พำนักอยู่ในประเทศต่อไป แม้จะขัดกับนโยบายด้านความมั่นคงของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ทางการสหรัฐฯ ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะหรือจำนวนของบุคคลที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มนี้ ซึ่งอาจสร้างความกังวลให้กับประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับความปลอดภัยในประเทศ
ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
การตัดสินใจครั้งนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐอเมริกากับพม่าและลาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเดินทางและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม นักวิเคราะห์บางคนมองว่า มาตรการนี้อาจเป็นการกดดันให้รัฐบาลของทั้งสองประเทศยอมรับพลเมืองของตนกลับประเทศ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจสร้างความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้
นอกจากนี้ สำนักข่าวเอเอฟพียังรายงานว่า การประกาศมาตรการเข้มงวดด้านวีซ่าครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังผลักดันนโยบายควบคุมการเข้าเมืองทั้งแบบถูกกฎหมายและผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการบริหารประเทศที่ให้ความสำคัญกับความมั่นคงภายในประเทศเป็นอันดับแรก
การตัดสินใจครั้งนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและชีวิตของผู้คนที่ต้องการเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาด้วยเหตุผลต่างๆ ทั้งเพื่อการศึกษา การทำงาน หรือการท่องเที่ยว ซึ่งจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อไปอย่างใกล้ชิด