ตม. เร่งแก้ปัญหาความล่าช้าในการออกวีซ่าสนามบิน พร้อมยืนยันมาตรการคัดกรองตามมาตรฐานสากล

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ได้ชี้แจงถึงสาเหตุของความล่าช้าในการออกวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวที่สนามบิน พร้อมทั้งยืนยันว่ากำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ โดยเน้นย้ำว่าขั้นตอนการคัดกรองเป็นไปตามมาตรฐานสากลเพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศ

พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบก.ตม.2 ในฐานะโฆษก บก.ตม.2 และรองโฆษก สตม. ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการออก Visa on Arrival (VOA) หรือการยื่นทำวีซ่าเมื่อเดินทางมาถึงสนามบิน ซึ่งมีรายงานว่าเกิดความล่าช้าถึง 4-5 ชั่วโมง ท่านได้อธิบายว่าการออกวีซ่าเป็นกระบวนการคัดกรองชาวต่างชาติตามหลักสากล ซึ่งโดยปกติจะดำเนินการที่สถานทูตก่อนการเดินทาง แต่ประเทศไทยได้นำขั้นตอนนี้มาไว้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมการท่องเที่ยวระยะสั้น

ปัจจุบัน มีชาวต่างชาติจาก 18 สัญชาติที่สามารถขอ VOA ได้ โดยได้รับอนุญาตให้พำนักในประเทศไทยได้ 15 วัน สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองเป็นจุดที่มีผู้ขอ VOA มากที่สุด โดยเฉพาะที่สุวรรณภูมิมีผู้ขอ VOA ประมาณ 6,000-7,000 คนต่อวัน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนและอินเดีย

กระบวนการออก VOA ประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ เช่น การตรวจสอบเอกสารคำร้อง การสัมภาษณ์ การตรวจสอบหลักฐานการท่องเที่ยว ที่พัก และเงินติดตัว ซึ่งโดยเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 3 นาทีต่อคน อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่มีเที่ยวบินลงหนาแน่น อาจทำให้เกิดความล่าช้าได้

แนวทางการแก้ไขปัญหาความแออัดและระยะเวลารอคอย

เพื่อบรรเทาปัญหาความล่าช้า ตม. ได้ดำเนินการดังนี้:

1. เปิดช่องตรวจขาเข้าพิเศษสำหรับผู้โดยสารที่ได้รับ VOA เพื่อลดเวลารอคอย
2. ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงการจัดการเที่ยวบิน
3. พิจารณาเพิ่มพื้นที่ทางกายภาพเพื่อรองรับผู้โดยสารจำนวนมาก
4. ปรับปรุงการบริหารจัดการด้านอื่นๆ โดยคำนึงถึงความมั่นคงของประเทศ

พ.ต.อ.เชิงรณ ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการคัดกรองอย่างละเอียดเพื่อป้องกันการแฝงตัวของกลุ่มมิจฉาชีพ เช่น แก๊งสกิมเมอร์ แก๊งบัตรเครดิตปลอม และแก๊งลักทรัพย์ ซึ่งอาจพยายามเข้าประเทศในรูปแบบของนักท่องเที่ยว

ด้าน พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผบก.ตม.2 ได้ยืนยันว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และกำลังหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงการจัดการเที่ยวบิน การเพิ่มพื้นที่ให้บริการ และการพัฒนาระบบการบริหารจัดการในด้านต่างๆ ทั้งนี้ การดำเนินการทั้งหมดจะคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวและการรักษาความมั่นคงของประเทศเป็นสำคัญ