ความไม่พอใจพุ่งสูง นักท่องเที่ยวไต้หวันเลิกเที่ยวไทยหลังข่าวค่าวีซ่าเพิ่ม 540 บาท

ความตึงเครียดทางการท่องเที่ยวระหว่างไทยและไต้หวันได้ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากมีข่าวว่าค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันที่ต้องการเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยจะเพิ่มขึ้น 540 บาท ส่งผลให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไต้หวันหลายรายประกาศยกเลิกการขายแพ็กเกจทัวร์ประเทศไทยอย่างฉับพลัน

นายสุรวัช อัครวรมาศ อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไต้หวันได้แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อการประกาศของสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ณ เมืองไทเป ประเทศไต้หวัน เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกระบวนการยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวสำหรับชาวไต้หวัน โดยมีการมอบหมายให้บริษัทเอกชน (BFS Global) เป็นผู้รับผิดชอบแทนสำนักงานการค้าฯ ซึ่งส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขอวีซ่าเพิ่มขึ้นจาก 1,500 บาท เป็น 2,000 บาท หรือคิดเป็นเงินที่เพิ่มขึ้น 470 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 540 บาท)

ผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย

การประกาศดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจอย่างมากในหมู่ผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน จนกลายเป็นข่าวเชิงลบที่แพร่กระจายไปทั่วไต้หวันผ่านสื่อต่างๆ ทั้งโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และสื่อออนไลน์ นายสุรวัชกล่าวว่า “เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ มีหนังสือพิมพ์พาดหัวว่าบริษัทท่องเที่ยวไต้หวันประกาศยกเลิกเที่ยวไทย” นอกจากนี้ ยังมีความไม่พอใจต่อคำพูดของนายธงชัย ชาสวัสดิ์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานเศรษฐกิจการค้าไทย ณ เมืองไทเป ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเกิดกระแสต่อต้านอย่างรุนแรง ทางสำนักงานการค้าฯ ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2561 เพื่อสยบข่าวลือที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่าจะยังคงรับคำร้องการตรวจลงตราตามแนวปฏิบัติเดิมโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งแจ้งว่าจะมีการหารือร่วมกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาระบบต่อไป โดยในวันที่ 4 กันยายน 2561 ได้มีการนัดประชุมกับผู้ประกอบการทัวร์ของไต้หวันเพื่อหาทางออกร่วมกัน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยกล่าวว่าได้รับรายงานจาก ททท. สำนักงานไทเปและกำลังติดตามปฏิกิริยาต่างๆ อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังได้รับทราบว่าสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยว อาร์.โอ.ซี ไต้หวัน ได้จัดทำเอกสารเผยแพร่แสดงความไม่พอใจ และหากทางสำนักงานการค้าฯ ยังคงยืนยันที่จะดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว ผู้ประกอบการอาจพยายามเลี่ยงการขายแพ็กเกจท่องเที่ยวประเทศไทย

สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการสื่อสารและการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดนโยบายด้านการท่องเที่ยวและการต่างประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นต่อภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศไทย การแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพจะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและไต้หวัน รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศในอนาคต