ไทย-จีนประกาศยกเว้นวีซ่าถาวร เริ่ม 1 มีนาคม 2567 ยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคี

นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ประกาศข่าวดีสำหรับความสัมพันธ์ไทย-จีน โดยทั้งสองประเทศได้ตกลงยกเว้นวีซ่าแบบถาวรให้แก่กันและกัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของหนังสือเดินทางไทย

การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ไทยได้ให้สิทธิ์ยกเว้นวีซ่าชั่วคราวแก่นักท่องเที่ยวจีนมาก่อนหน้านี้ ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 โดยนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายได้เจรจากันมาระยะหนึ่งเพื่อยกระดับข้อตกลงนี้ให้เป็นการยกเว้นวีซ่าแบบถาวร ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ

ความสำคัญของข้อตกลงใหม่
ข้อตกลงยกเว้นวีซ่าถาวรนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน โดยจะส่งผลดีในหลายด้าน:

1. ส่งเสริมการท่องเที่ยว: คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางระหว่างสองประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของทั้งสองฝ่าย

2. กระชับความสัมพันธ์ทางธุรกิจ: นักธุรกิจจะสามารถเดินทางได้สะดวกมากขึ้น เอื้อต่อการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ

3. แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม: เปิดโอกาสให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้เรียนรู้และเข้าใจวัฒนธรรมซึ่งกันและกันมากขึ้น

4. ยกระดับสถานะหนังสือเดินทางไทย: แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในประเทศไทยและเพิ่มคุณค่าของหนังสือเดินทางไทยในเวทีระหว่างประเทศ

การเตรียมความพร้อมรับนโยบายใหม่
นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมประชาสัมพันธ์ เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์และเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อรองรับการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญในการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวทั้งสองประเทศอย่างดีที่สุด

ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระดับภูมิภาค
การยกเว้นวีซ่าถาวรระหว่างไทยและจีนไม่เพียงแต่จะส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีเท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยอาจเป็นแรงกระตุ้นให้ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคพิจารณานโยบายวีซ่าของตนเองและอาจนำไปสู่การเจรจาข้อตกลงในลักษณะเดียวกันกับจีนหรือประเทศอื่นๆ ในอนาคต

ทั้งนี้ ความสำเร็จของนโยบายนี้จะขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองชาติ