ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยเสน่ห์ของสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงาม วัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ และความสะดวกสบายในการเดินทางที่ใช้เวลาไม่นานจนเกินไป นอกจากนี้ นโยบายยกเว้นวีซ่าระยะสั้นไม่เกิน 15 วันของรัฐบาลญี่ปุ่นยิ่งเป็นแรงจูงใจให้คนไทยเดินทางไปเยือนดินแดนอาทิตย์อุทัยกันมากขึ้น
ตามข้อมูลจากกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ในปี 2566 มีคนไทยพำนักอยู่ในญี่ปุ่นอย่างถูกกฎหมายจำนวน 82,052 คน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีครอบครัว ทำงาน และนักเรียน/นักศึกษา อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่น่าวิตกคือการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของ “ผีน้อยไทย” หรือคนไทยที่ลักลอบพำนักและทำงานอย่างผิดกฎหมายในญี่ปุ่น โดยใช้ช่องทางการเข้าประเทศแบบไม่ต้องขอวีซ่าและอยู่เกิน 15 วัน
ปัญหา “ผีน้อย” ที่ทวีความรุนแรง
สถิติล่าสุดแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่าเป็นห่วง โดยจำนวนคนไทยที่อยู่เกินวีซ่าในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 8,688 คนในปี 2564 เป็น 9,549 คนในปี 2565 และพุ่งสูงถึง 11,472 คนในปี 2566 ซึ่งมากเป็นอันดับสองรองจากเวียดนาม สถานการณ์นี้ส่งผลให้ทั้งฝ่ายไทยและญี่ปุ่นต้องหารือกันอย่างเร่งด่วนเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา
ในการประชุมหารือด้านการกงสุลระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 ที่กรุงเทพฯ อธิบดีกรมการกงสุลญี่ปุ่นได้ยกประเด็นนี้ขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมขอให้ฝ่ายไทยหามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยมีการแจ้งเตือนว่าหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณายกเว้นวีซ่าระยะสั้นสำหรับคนไทยในต้นปี 2568
มาตรการแก้ไขปัญหาเชิงรุก
เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้เร่งดำเนินมาตรการหลายประการ ได้แก่:
1. การประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนถึงความผิดและบทลงโทษจากการพำนักอย่างผิดกฎหมายในญี่ปุ่น
2. การเพิ่มหน่วยลาดตระเวนและร่วมมือกับสายการบินในการตรวจสอบผู้ต้องสงสัยก่อนการเดินทาง
3. กำหนดให้บริษัทนำเที่ยวรายงานจำนวนคนไทยที่เดินทางไปและกลับจากญี่ปุ่นอย่างสม่ำเสมอ
4. ดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการชักชวนคนไทยไปพำนักและทำงานผิดกฎหมายในญี่ปุ่นผ่านสื่อสังคมออนไลน์
นอกจากนี้ นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล ยังได้นำคณะผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางไปประชุมกับหน่วยงานต่างๆ ของญี่ปุ่น เพื่อแสดงความตั้งใจและความพยายามในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
ความเสี่ยงและผลกระทบต่อคนไทยในญี่ปุ่น
จากข้อมูลของเครือข่ายอาสาสมัครคนไทยในญี่ปุ่น พบว่าปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากคนไทยบางกลุ่มที่ลักลอบทำงานผิดกฎหมาย โดยอาศัยนายหน้าคนไทย (มาม่าซัง) ในการหางาน ซึ่งมักเป็นงานที่ไม่ต้องใช้ความสามารถทางภาษา แต่มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกหลอกลวง ทำงานหนัก และไม่ได้รับค่าตอบแทนตามที่ตกลง
สภาพความเป็นอยู่ของแรงงานผิดกฎหมายมักลำบาก บางแห่งถึงขั้นไม่มีน้ำหรือไฟฟ้าใช้ และไม่มีสวัสดิการใดๆ รองรับ งานส่วนใหญ่เป็นงานใช้แรงงานในภาคการเกษตร โรงผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ และการขายบริการ ที่น่าเป็นห่วงคือ หากเจ็บป่วย ผู้ที่อยู่อย่างผิดกฎหมายมักไม่กล้าไปโรงพยาบาลเพราะกลัวถูกจับ และไม่มีประกันสุขภาพ ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้
ข้อแนะนำสำหรับคนไทยที่ต้องการไปทำงานในญี่ปุ่น คือควรหางานหรือสมัครงานผ่านช่องทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ผ่านกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน และต้องขอวีซ่าให้ถูกต้องก่อนเดินทาง
ท้ายที่สุด หากทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ไขปัญหาคนไทยอยู่เกินวีซ่าในญี่ปุ่นให้ลดลงได้ โอกาสที่ญี่ปุ่นจะยกเลิกการยกเว้นวีซ่า 15 วันสำหรับคนไทยก็จะไม่เกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศและการท่องเที่ยวในระยะยาว