ในความพยายามฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวหลังวิกฤตโควิด-19 ประเทศไทยและจีนได้บรรลุข้อตกลงทวิภาคีในการยกเลิกข้อกำหนดด้านวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป ตามการเปิดเผยของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทย
ภายใต้ข้อตกลงใหม่นี้ นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยจะได้รับการยกเว้นวีซ่า ในขณะเดียวกัน จีนก็จะยกเว้นวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวไทยเป็นการถาวรเช่นกัน โดยพลเมืองของทั้งสองประเทศจะสามารถเดินทางเข้าออกและพำนักในประเทศอีกฝ่ายได้สูงสุด 30 วันต่อการเดินทางเข้าประเทศ 1 ครั้ง ทั้งนี้ การลงนามในข้อตกลงทวิภาคีอย่างเป็นทางการระหว่างไทยและจีนมีกำหนดจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ตามคำยืนยันของโฆษกรัฐบาลไทย
มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลไทย
นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง รัฐบาลของนายเศรษฐาได้ออกมาตรการหลายประการเพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยภาคการท่องเที่ยวสร้างรายได้คิดเป็น 12% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และมีการจ้างงานเกือบ 1 ใน 5 ของกำลังแรงงานทั้งหมดของประเทศ
นอกจากการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีนแล้ว ไทยยังได้ยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ อีกด้วย เช่น รัสเซีย คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะอนุญาตให้มีการพำนักระยะยาวสำหรับนักท่องเที่ยวจากบางประเทศ เพื่อส่งเสริมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
การประกาศนโยบายฟรีวีซ่าระหว่างไทยและจีนได้ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยทันที โดยหุ้นในกลุ่มสายการบิน โรงแรม และท่าอากาศยานไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในการซื้อขายเมื่อวันอังคาร สะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังของนักลงทุนต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
จีนนับเป็นตลาดนักท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของไทย โดยในปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 นักท่องเที่ยวจีนมีสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่มาเยือนไทย ซึ่งมีจำนวนถึง 40 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาเยือนไทยลดลงเหลือเพียง 3.5 ล้านคน จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด 28 ล้านคน
สำหรับปี 2567 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนไทยเพิ่มขึ้นเป็น 35 ล้านคน โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนถึง 8.2 ล้านคน ซึ่งนโยบายฟรีวีซ่านี้น่าจะช่วยผลักดันให้ตัวเลขดังกล่าวเป็นจริงได้
ความท้าทายและโอกาสในการรองรับนักท่องเที่ยว
แม้ว่านโยบายฟรีวีซ่าจะเป็นข่าวดีสำหรับภาคการท่องเที่ยว แต่ก็นำมาซึ่งความท้าทายในการรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่คาดว่าจะหลั่งไหลเข้ามา ประเทศไทยจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในหลายด้าน เช่น:
1. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน: ต้องมีการปรับปรุงและขยายสนามบิน ระบบขนส่งสาธารณะ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
2. การยกระดับมาตรฐานการบริการ: ภาคธุรกิจท่องเที่ยวต้องพัฒนาคุณภาพการให้บริการเพื่อสร้างความประทับใจและดึงดูดให้นักท่องเที่ยวกลับมาเยือนซ้ำ
3. การกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น: ควรมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อกระจายรายได้และลดความแออัดในแหล่งท่องเที่ยวหลัก
4. การรักษาสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม: ต้องมีมาตรการในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
นโยบายฟรีวีซ่าระหว่างไทยและจีนนับเป็นก้าวสำคัญในการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของนโยบายนี้จะขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและการเตรียมความพร้อมในทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทั้งนักท่องเที่ยวและประชาชนในประเทศ