ในวันที่ 23 สิงหาคม 2567 รัฐบาลศรีลังกาได้ประกาศมติเห็นชอบนโยบายยกเว้นการตรวจลงตราหรือวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจาก 35 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทย จีน อินเดีย และรัสเซีย โดยมาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
นายบันดูลา กุนาวาร์ดานา ซึ่งดำรงตำแหน่งโฆษกคณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เปิดเผยรายละเอียดของนโยบายนี้ในวันที่ 22 สิงหาคม โดยระบุว่านักท่องเที่ยวจากประเทศที่ได้รับสิทธิ์จะสามารถเข้าประเทศศรีลังกาได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าเป็นระยะเวลา 30 วัน ภายใต้โครงการนำร่องที่จะมีระยะเวลา 6 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป
รายชื่อประเทศที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากนโยบายฟรีวีซ่านี้ครอบคลุมทั้งประเทศในยุโรป เอเชีย ตะวันออกกลาง และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมถึงประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวสูง เช่น สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศในตะวันออกกลางอย่างซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกาตาร์
ผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจต่อการท่องเที่ยวศรีลังกา
ศรีลังกา ประเทศเกาะในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านชายหาดที่สวยงาม วัดโบราณอันทรงคุณค่า และการผลิตชาคุณภาพสูง ได้เผชิญกับความท้าทายอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลกได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักที่สำคัญ นอกจากนี้ ในปี 2565 ศรีลังกายังต้องเผชิญกับวิกฤตการเงินครั้งร้ายแรง ซึ่งนำไปสู่การประท้วงของประชาชนและการขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในปีที่ผ่านมา โดย ณ กลางเดือนสิงหาคม 2567 ศรีลังกาได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวเกือบ 2 ล้านคน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2562 ทางการศรีลังกาคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นถึง 2.3 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งนโยบายฟรีวีซ่าใหม่นี้คาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
การดำเนินนโยบายฟรีวีซ่านี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลศรีลังกาในการฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยคาดหวังว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เดินทางมาสัมผัสความงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของศรีลังกา ซึ่งจะนำมาซึ่งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการสร้างงานในภาคการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้องต่อไป