เหตุการณ์สะเทือนวงการแพทย์เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลเด็กประจำเมืองเทียนยาง ประเทศเวียดนาม เมื่อเด็กหญิงวัย 8 ขวบถูกนำส่งโรงพยาบาลในสภาพวิกฤต ด้วยอาการปวดท้องรุนแรง อาเจียน และมีไข้สูง ทีมแพทย์ต้องเร่งทำการผ่าตัดฉุกเฉินหลังพบสาเหตุอันน่าตกใจ
ตามรายงานจากโรงพยาบาลเด็กประจำเมืองเทียนยาง เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ทางโรงพยาบาลได้รับผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 8 ปีในสภาพวิกฤต โดยผู้ปกครองแจ้งว่าเด็กเริ่มมีอาการไข้ อาเจียน และแน่นท้องเล็กน้อยมาประมาณ 3 วัน ก่อนที่อาการจะทรุดลงอย่างรวดเร็วจนต้องนำส่งโรงพยาบาล
ประวัติทางการแพทย์ที่ซับซ้อน
ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่าเด็กหญิงรายนี้มีประวัติทางการแพทย์ที่ซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดที่ยังไม่ได้รับการรักษา นอกจากนี้ ยังมีประวัติการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ อันเนื่องมาจากการเจาะทะลุของช่องท้อง ร่วมกับภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด และภาวะช็อกจากการติดเชื้อ ซึ่งแพทย์สันนิษฐานว่าอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรค Tetralogy of Fallot (TOF) หรือโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
เมื่อแพทย์ทำการตรวจร่างกายเบื้องต้น พบว่าเด็กหญิงมีอาการหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หายใจลำบาก มือและเท้าเย็น มีอาการเซื่องซึม ริมฝีปากเป็นสีฟ้า และระดับออกซิเจนในเลือดต่ำมากเพียง 65% ผลการตรวจด้วยเอกซเรย์และอัลตราซาวนด์ช่องท้องพบว่ามีอากาศและของเหลวจำนวนมากในช่องท้อง พร้อมทั้งเสียงสะท้อนที่ผิดปกติ ทำให้แพทย์สงสัยว่าอาจมีสิ่งแปลกปลอมที่เป็นเส้นใยติดพันกันอยู่ในช่องท้อง
การค้นพบที่น่าตกใจ: ก้อนผมในท้อง
ด้วยความเร่งด่วนของสถานการณ์ แพทย์จึงตัดสินใจนำเด็กหญิงเข้าห้องผ่าตัดทันที เมื่อทำการเปิดช่องท้อง ทีมแพทย์ต้องตกตะลึงเมื่อพบก้อนขนาดใหญ่ซึ่งประกอบด้วยเส้นผมจำนวนมากและวัสดุที่ไม่สามารถย่อยสลายได้อื่นๆ เช่น เส้นใยฟาง และเส้นใยประเภทต่างๆ ก้อนวัตถุแปลกปลอมนี้มีขนาดประมาณ 30×20 เซนติเมตร และได้ทำให้เกิดรูขนาดใหญ่ที่ผนังท้อง ส่งผลให้เกิดภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบอย่างรุนแรง
ทีมแพทย์ได้ทำการผ่าตัดเพื่อนำสิ่งแปลกปลอมออกทั้งหมด ทำความสะอาดช่องท้อง และเย็บแผลปิดอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นจึงย้ายผู้ป่วยไปยังแผนกผู้ป่วยวิกฤตด้านศัลยกรรม เพื่อรับการรักษาเพิ่มเติมด้วยเครื่องช่วยหายใจ การดูแลด้านโภชนาการ และการให้ยาปฏิชีวนะอย่างเข้มข้น
ราพันเซลซินโดรม: ภัยเงียบที่ผู้ปกครองควรระวัง
จากการสืบสวนเพิ่มเติม แพทย์พบว่าเด็กหญิงรายนี้มีพฤติกรรมชอบดึงและกลืนเส้นผมของตัวเอง ซึ่งเป็นอาการของโรคที่เรียกว่า “ราพันเซลซินโดรม” (Rapunzel syndrome) หรือ “โรคดึงผม” (Trichotillomania syndrome) ซึ่งเป็นความผิดปกติทางจิตเวชที่ผู้ป่วยมีแรงกระตุ้นให้ดึงและกลืนเส้นผม นำไปสู่การสะสมของก้อนขนในระบบทางเดินอาหาร
โรคนี้อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที เช่น การทะลุของกระเพาะอาหารหรือลำไส้ ภาวะลำไส้อุดตัน การติดเชื้อในกระแสเลือด และในกรณีร้ายแรงที่สุดอาจถึงแก่ชีวิตได้ ด้วยเหตุนี้ แพทย์จึงแนะนำให้ผู้ปกครองและเด็กหญิงเข้ารับคำปรึกษาทางจิตวิทยาเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำของโรคในอนาคต
การป้องกันและเฝ้าระวัง: บทบาทสำคัญของครอบครัว
ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสังเกตพฤติกรรมที่ผิดปกติในเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมการดึงผมหรือกลืนสิ่งแปลกปลอม ผู้ปกครองควรใส่ใจและไม่ละเลยสัญญาณเตือนเหล่านี้ หากพบความผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์หรือนักจิตวิทยาโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงเช่นกรณีนี้
ในประเทศเวียดนาม โรงพยาบาลขนาดใหญ่หลายแห่ง เช่น โรงพยาบาลเด็ก 2 โรงพยาบาลเด็กซิตี้ และโรงพยาบาลเด็กอื่นๆ ได้บันทึกกรณีผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายคลึงกันนี้ไว้เป็นจำนวนมาก โดยหลายกรณีจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเพื่อนำก้อนขนขนาดใหญ่ออกจากกระเพาะอาหาร และที่น่าเป็นห่วงคือมีหลายรายที่กลับมาเป็นซ้ำ เนื่องจากขาดการติดตามและการรักษาทางจิตเวชที่เหมาะสม
กรณีของเด็กหญิงวัย 8 ขวบรายนี้ จึงเป็นเสียงเตือนสำคัญถึงความจำเป็นในการให้ความสนใจกับสุขภาพจิตของเด็กควบคู่ไปกับสุขภาพกาย และย้ำเตือนถึงบทบาทสำคัญของครอบครัวในการสังเกตและดูแลพฤติกรรมของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าเช่นนี้ซ้ำอีกในอนาคต