สุดช็อก แม่เปิดกล้องวงจรปิดโรงเรียนอนุบาล พบครูนั่งทับเด็กระหว่างนอนกลางวัน นำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดี

ความปลอดภัยของเด็กในโรงเรียนถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ปกครองทุกคนให้ความใส่ใจ แม้ว่าจะมีการคัดเลือกสถานศึกษาอย่างพิถีพิถันทั้งในด้านวิชาการและสภาพแวดล้อม แต่กระนั้นเหตุการณ์ความรุนแรงภายในรั้วโรงเรียนก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่เสมอ ล่าสุดได้มีกรณีสะเทือนใจเกิดขึ้นในประเทศจีน เมื่อแม่ของเด็กอนุบาลพบเหตุการณ์ไม่คาดฝันผ่านกล้องวงจรปิด

เหตุการณ์อันน่าตกใจนี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในเมืองฝอซาน มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เมื่อช่วงปลายปี 2563 โดยคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดภายในห้องเรียนได้บันทึกภาพขณะที่ครูประจำชั้นกำลังกระทำการอันไม่เหมาะสมต่อเด็กนักเรียนระหว่างช่วงเวลานอนกลางวัน ซึ่งควรเป็นเวลาแห่งการพักผ่อนอย่างสงบและปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก

รายละเอียดของเหตุการณ์

ในคลิปวิดีโอดังกล่าว เห็นภาพเด็กนักเรียนอนุบาลกำลังนอนหลับพักผ่อนหลังรับประทานอาหารกลางวัน แต่มีเด็กคนหนึ่งที่ยังคงพลิกตัวไปมา ไม่สามารถหลับได้ ครูประจำชั้นวัย 36 ปี เมื่อสังเกตเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว แทนที่จะเข้าไปปลอบโยนหรือช่วยให้เด็กรู้สึกผ่อนคลาย กลับเดินเข้าไปใกล้และทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด นั่นคือการ “นั่งทับ” ตัวเด็กโดยตรง

เหตุการณ์นี้ดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลาประมาณ 3 นาที โดยในระหว่างนั้น ครูยังคงนั่งทับตัวเด็กพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเล่น ราวกับว่าสิ่งที่ตนกำลังกระทำอยู่นั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา การกระทำนี้ไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดสิทธิของเด็ก แต่ยังอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของเด็กในระยะยาวอีกด้วย

การดำเนินการหลังพบเหตุการณ์

เมื่อผู้เป็นแม่ของเด็กชายวัย 5 ขวบได้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิด เธอถึงกับช็อกและโกรธเป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ทันที เพื่อดำเนินคดีกับครูคนดังกล่าวในข้อหาทารุณกรรมเด็ก การกระทำนี้นำไปสู่การจับกุมครูเพื่อสอบสวนเพิ่มเติม

ในระหว่างการสอบสวน ครูได้ให้การว่าเธอทำไปเพื่อ “ให้เด็กหลับเร็วขึ้น” ซึ่งเป็นคำอธิบายที่ไม่สามารถยอมรับได้สำหรับผู้ปกครองและสังคมโดยรวม เนื่องจากเป็นวิธีการที่ผิดทั้งในแง่จริยธรรมและกฎหมาย

ผลกระทบและการดำเนินการต่อเนื่อง

หลังจากเกิดเหตุการณ์ ผู้ปกครองได้พาเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลทันที ซึ่งโชคดีที่ผลการตรวจไม่พบบาดแผลหรืออาการบาดเจ็บทางกายภาพ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามผลกระทบทางด้านจิตใจของเด็กในระยะยาวต่อไป

ทางด้านโรงเรียนได้ดำเนินการไล่ครูคนดังกล่าวออกจากตำแหน่งทันทีที่ทราบเรื่อง พร้อมทั้งออกแถลงการณ์ขอโทษต่อผู้ปกครองและสาธารณชน รวมถึงสัญญาว่าจะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยและการตรวจสอบพฤติกรรมของบุคลากรให้เข้มงวดมากขึ้น

บทเรียนสำหรับสังคม

เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับสถาบันการศึกษาเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตือนสติให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลและปกป้องเด็กในทุกสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ที่ควรจะปลอดภัยที่สุดอย่างโรงเรียน

ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับลูกอย่างใกล้ชิด และสังเกตพฤติกรรมที่ผิดปกติ ขณะเดียวกัน สถานศึกษาควรมีระบบการคัดกรองบุคลากรที่รัดกุม และจัดอบรมด้านจริยธรรมและการดูแลเด็กอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต