ในวงการกีฬายิมนาสติก มีท่าหนึ่งที่ถูกขนานนามว่า “The Vault of Death” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ท่าแห่งความตาย” ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจและความหวาดเสียวแก่ผู้ชมทั่วโลก นั่นคือ Produnova Vault ท่าสุดท้าทายที่ทั้งนักกีฬาและผู้ชมต่างยกให้เป็นท่าที่อันตรายที่สุดของวงการยิมนาสติกสากล
แม้จะมาพร้อมกับความงดงามและความยิ่งใหญ่ในการแสดง แต่เบื้องหลังคือระดับความเสี่ยงสูงสุด เพราะเพียงความผิดพลาดเล็กน้อยก็อาจหมายถึงอาการบาดเจ็บรุนแรง หรือถึงขั้นคร่าชีวิตนักกีฬาได้
Produnova Vault คืออะไร?
ท่านี้เป็นท่ากระโดดข้ามม้า (Vaulting table) ที่ผู้เล่นต้องทำด้วยขั้นตอนดังนี้
- วิ่งเข้าหาม้าด้วยความเร็วสูงสุด
- กระโดดพุ่งตัวข้ามอุปกรณ์ Vaulting table
- หมุนตีลังกาหน้าในอากาศ สองรอบครึ่ง
- ลงพื้นให้สมบูรณ์แบบโดยไม่เสียสมดุล
ท่านี้ถูกตั้งชื่อตาม Yelena Produnova (เยเลนา โพรดูโนวา) นักยิมนาสติกหญิงชาวรัสเซีย ผู้สร้างตำนานด้วยการเป็นคนแรกที่ทำสำเร็จในการแข่งขันปี 1999 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ยิมนาสติก
ทำไมถึงถูกเรียกว่า “ท่าแห่งความตาย”?
คำว่าท่าแห่งความตายไม่ได้มาเพราะความสวยงาม แต่เพราะความเสี่ยงที่มาพร้อมกัน โดยเฉพาะขั้นตอน “การลงพื้น” ที่ถือว่าเป็นจุดชี้ชะตา หากพลาดเพียงเสี้ยววินาทีอาจทำให้เกิดผลลัพธ์ร้ายแรง เช่น
- กระดูกหัก
- คอหัก
- อัมพาตหรือบาดเจ็บสาหัส
- ถึงขั้นเสียชีวิต
ด้วยเหตุนี้ นักยิมนาสติกส่วนใหญ่จึงเลือกหลีกเลี่ยง แม้ว่าท่านี้จะมีคะแนนสูงมากก็ตาม
ใครคือผู้ที่เคยทำสำเร็จบ้าง?
ตั้งแต่ Produnova แสดงท่านี้ได้สำเร็จในปี 1999 มีเพียงนักกีฬาส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถทำได้ หนึ่งในชื่อที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดคือ Dipa Karmakar (ดิพา การ์มาการ์) นักกีฬาหญิงชาวอินเดีย ผู้สร้างชื่อเสียงจากการทำท่านี้ในการแข่งขัน โอลิมปิก 2016 เธอได้รับการยกย่องจากแฟนกีฬาทั่วโลกว่าเป็น “Vault Queen” หรือราชินีแห่งการกระโดด
เหตุผลที่ยังมีคนพยายามทำท่านี้
แม้จะอันตรายแค่ไหน แต่ยังคงมีนักกีฬาหลายคนที่ต้องการท้าทาย เพราะ
- ท่านี้มี คะแนน Difficulty Score (D-score) สูงที่สุดในหมวด Vault
- เป็นการพิสูจน์ทั้ง ความกล้า ความแข็งแรง และความแม่นยำ
- หากทำสำเร็จ จะถูกจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ยิมนาสติกทันที
การทำสำเร็จหนึ่งครั้งสามารถเปลี่ยนชะตาของนักกีฬาคนนั้น ให้ก้าวขึ้นมาเป็นตำนานที่คนทั่วโลกต้องกล่าวถึง
บทสรุป
Produnova Vault ไม่ใช่แค่ท่าทางในการแข่งขันยิมนาสติกธรรมดา แต่เป็นสัญลักษณ์ของ ความกล้าหาญและความทุ่มเทขั้นสูงสุด ที่นักกีฬายอมเสี่ยงเพื่อพิสูจน์ศักยภาพของตนเอง
ด้วยความงดงามปนความอันตราย ท่านี้จึงถูกยกย่องว่าเป็น ท่ายิมนาสติกที่อันตรายที่สุดในโลก และยังคงถูกกล่าวถึงจนถึงปัจจุบันในฐานะ “ท่าแห่งความตาย” ที่ทั้งน่าจดจำและน่าหวาดหวั่นไปพร้อมกัน
