กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ปรียาภัทร โพธิ์ทอง ได้โพสต์เรื่องราวสุดสะเทือนใจเกี่ยวกับหลานสาวของตนเอง พร้อมตั้งใจถ่ายทอดให้เป็นอุทาหรณ์เตือนภัยแก่ผู้ปกครองและวัยรุ่นที่ชอบดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ โดยเธอได้เขียนข้อความว่า “รบกวนอย่าเลื่อนผ่านนะคะโพสต์นี้ ฝากไว้เตือนทุกคนด้วยนะคะ” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ทำให้หลายคนต้องหันมาทบทวนนิสัยการดื่มของตนเอง
ภาพที่แนบมาพร้อมกับโพสต์เป็นภาพหลานสาวของเธอขณะนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หลังจากต้องเข้าห้องฉุกเฉินเนื่องจากภาวะเลือดเป็นกรด อันเกิดจากการดื่มน้ำอัดลมแทนน้ำเปล่ามาตั้งแต่วัยเด็ก โดยในภาพยังมีแคปหน้าจอข้อความที่แม่ของเด็กหญิงได้โพสต์เล่าเหตุการณ์ว่า “กัสจังเป็นเด็กที่ชอบดื่มน้ำอัดลมมาก เราเตือนให้ลดบ้างแต่ไม่ได้ห้าม จนวันหนึ่งน้ำตาลในเลือดสะสมสูงมากจนเลือดเป็นกรด หมอบอกว่าหัวใจของลูกพร้อมจะหยุดเต้น มือเท้าเขียวหมดแล้ว ตอนนั้นคิดแค่ว่าทำยังไงก็ได้ให้หัวใจลูกกลับมาเต้นเป็นปกติ กัสจังถูกใส่ท่อช่วยหายใจขนาดใหญ่ แรงดันสูงสุด ฉีดยาหลายชนิด เข็มจิ้มมือสองข้าง เท้าสองข้าง เต็มไปด้วยสายระโยงระยาง”
แม่ของเด็กเล่าต่อว่า ลูกสาวต้องนอนห้องไอซียูถึงสองคืนเต็ม ท่ามกลางความกลัวและความเจ็บปวด โดยร้องหาแต่แม่อยู่ตลอดเวลา “แม่อยากเข้าไปอยู่ข้างในมากเพราะรู้ว่าลูกกลัวเข็ม กลัวหมอ แต่ครั้งนี้กัสจังต้องต่อสู้กับความกลัวทั้งหมดเพียงลำพังในห้องฉุกเฉินจนถึงไอซียู” เธอระบุ พร้อมเผยว่าหลังจากพักฟื้นได้สองวัน หมออนุญาตให้กลับบ้านได้ ทันทีที่ออกจากโรงพยาบาล ทั้งแม่และลูกต่างกอดกันร้องไห้ด้วยความดีใจที่รอดมาได้ โดยแม่ยังกล่าวขอบคุณคุณยายที่คอยเป็นกำลังใจและดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมฝากข้อความเตือนว่า “#รักลูกอย่าลืมดูแลเรื่องการกิน #ดวงใจแม่ #ขอบคุณทุกคนที่รักและเป็นห่วงกัสจัง”
นอกจากโพสต์ของแม่แล้ว ยายของเด็กยังได้นำภาพจากอินสตาแกรมส่วนตัวของหลานสาวมาเผยแพร่เพื่ออัปเดตอาการและเตือนภัยให้เพื่อนๆ วัยเดียวกัน โดยในข้อความระบุว่า “มา!! มีแรงแย้วว เตือนภัยทุกคน กัสจังกินโค้กมาตั้งแต่เด็ก กินแทนน้ำเปล่าเลยก็ว่าได้ ช่วงหลังยิ่งกินน้ำหวานตามใจตัวเองมากขึ้น เดือนพฤษภาคมร่างกายเริ่มส่งสัญญาณเตือน น้ำหนักลดฮวบหายไปถึง 5 กิโล ตอนแรกคิดว่าเครียดหรือกินอะไรไม่ลง แต่จริงๆ กินเหมือนเดิม และฉี่บ่อยมาก วันละเกิน 10 รอบ แต่ไม่ได้เอะใจ เพราะเป็นคนกินน้ำเยอะอยู่แล้ว อีกทั้งไม่ออกกำลังกาย ไม่กินผักผลไม้ เหงื่อแทบไม่ออกเลย และพักหลังยังท้องผูกด้วย”
เธอเล่าต่อว่า อาการเริ่มรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว “วันนั้นตอนตี 3 ลุกมาถ่ายหนัก 1 รอบ ใช้เวลานานมาก คิดว่าท้องผูก ตี 4 ลุกมาถ่ายอีก เช้า 6 โมงจะไปโรงเรียนแต่เวียนหัว ไม่มีแรง เลยลางานและนอน พอตื่นมาก็ถ่ายอีก หายใจแรงมาก ลงไปเอาข้าวข้างล่าง พอกลับขึ้นมาก็เหนื่อยแบบคนหอบ จะอ้วก กินข้าวไป 2 คำก็กินยาแล้วนอน พอตื่นมาก็ยังถ่ายอีก เหนื่อยอีก วนอยู่อย่างนี้ครบ 5 รอบ จนแทบไม่มีแรง จึงโทรให้อาซื้อยามาให้ กินแล้วนอนแต่ก็ไม่ดีขึ้น สุดท้ายจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาล”
เมื่อไปถึงโรงพยาบาล สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนช็อก “อัตราการเต้นหัวใจของกัสจังพุ่งไปถึง 30 กว่า (คนปกติไม่เกิน 16) หัวใจแทบหลุดออกมา ค่าออกซิเจนปกติควรอยู่ที่ 96-100 แต่ของกัสจังเหลือเพียง 6 ค่าน้ำตาลในเลือดปกติ 100-120 แต่ของกัสจังพุ่งไปถึง 350” แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นภาวะเลือดเป็นกรดจากน้ำตาลในเลือดสูง ส่งผลให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์สะสมในปอด เนื่องจากเลือดสูบฉีดออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายไม่ทัน ซึ่งเป็นภาวะที่เสี่ยงเสียชีวิตอย่างยิ่ง
เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ต่ออย่างรวดเร็ว และมีผู้คนจำนวนมากเข้ามาแสดงความห่วงใย พร้อมทั้งย้ำเตือนกันเองถึงอันตรายของการบริโภคน้ำอัดลมแทนน้ำเปล่า โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่นที่อาจยังไม่ตระหนักถึงความเสี่ยงนี้.
