ต้อนรับเดือนมิถุนายน เดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่ม LGBTQ+ หรือผู้มีความหลากหลายทางเพศทั่วโลก ที่ในปีนี้ประเทศไทยมีข่าวดีเกี่ยวกับความก้าวหน้าของกฎหมาย “สมรสเท่าเทียม” ที่จะทำให้คนทุกเพศสามารถสมรสกันได้โดยมีสิทธิและหน้าที่เท่าเทียมกับคู่สมรสเพศชายและหญิง
ความหมายของ “สมรสเท่าเทียม”
“สมรสเท่าเทียม” หมายถึงการสมรสของคู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศ ไม่จำกัดเฉพาะเพศชายและหญิงเท่านั้น แต่ครอบคลุมถึงคนข้ามเพศ เกย์ เลสเบี้ยน และผู้มีอัตลักษณ์ทางเพศอื่นๆ เพื่อให้บุคคลเหล่านี้ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายตามหลักความเสมอภาคและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การต่อสู้เพื่อสมรสเท่าเทียมในประเทศไทยใช้เวลานานถึง 23 ปี
หลังจากผ่านกระบวนการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉบับสมรสเท่าเทียม ได้รับการอนุมัติจากวุฒิสภา ด้วยคะแนนเสียง 130 ต่อ 4 งดออกเสียง 18 คน ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียม คาดว่ากฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ในช่วงปลายปี 2567
ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา การผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมต้องเผชิญอุปสรรคทั้งจากกระแสสังคมและความไม่พร้อมของรัฐบาลในแต่ละยุคสมัย จนกระทั่งในปี 2563 พรรคก้าวไกลได้ยื่นเสนอร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมต่อสภาฯ และผ่านวาระแรกในปี 2565 แต่ติดขัดที่การพิจารณาวาระถัดไปเนื่องจากสภาล่มหลายครั้ง
ในปี 2567 หลังจากมีรัฐบาลใหม่ ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมจึงถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง โดยในวันที่ 27 มีนาคม ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่างกฎหมายด้วยคะแนนเสียง 400 ต่อ 10 และส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณา ซึ่งล่าสุดวุฒิสภาก็ได้ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ขั้นตอนต่อไปคือการประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้หลังจากนั้น 120 วัน
การผ่านร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมถือเป็นก้าวสำคัญในการให้ความเสมอภาคกับคนทุกเพศในสังคมไทย และเป็นการยกระดับสิทธิมนุษยชนให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล สิทธิที่คู่สมรสเพศเดียวกันจะได้รับจากกฎหมายสมรสเท่าเทียมนี้ ได้แก่ สิทธิในการรับรองบุตรบุญธรรม สิทธิในการร่วมกันจัดการทรัพย์สิน สิทธิในการรับมรดก เป็นต้น