ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2567 สนามช้าง อารีนา จังหวัดบุรีรัมย์ เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุขและความภาคภูมิใจ เมื่อทีมปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้รับการสวมมงกุฎแชมป์ไทยลีกเป็นสมัยที่ 9 ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลไทย โดยมี “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด เป็นประธานในพิธีมอบถ้วยรางวัลอันทรงเกียรติ
การคว้าแชมป์ในครั้งนี้ยิ่งทวีความพิเศษ เนื่องจากเป็นการครองแชมป์ติดต่อกันเป็นฤดูกาลที่ 3 ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสม่ำเสมอของทีม ในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล ทีมปราสาทสายฟ้าได้เปิดบ้านเอาชนะ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ที่ทำให้แฟนบอลตื่นตาตื่นใจ 8-2 ท่ามกลางเสียงเชียร์กึกก้องของแฟนบอลกว่า 32,222 คน
ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่
พิธีมอบถ้วยแชมป์ฟุตบอล รีโว่ ไทยลีก ประจำฤดูกาล 2023/24 เป็นไปอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติ โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากหลายภาคส่วนเข้าร่วม อาทิ คณะผู้บริหารสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นำโดย เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร และ กรุณา ชิดชอบ ผู้บริหารฯ นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจากบริษัทผู้สนับสนุนหลักของลีก เช่น โตโยต้า, น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง, ปุ๋ยไวกิ้ง, ไทยน้ำทิพย์, มอลเทน และ วอริกซ์ สปอร์ต
พร้อมกันนี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังได้รับเงินรางวัลมูลค่า 10,000,000 บาท ซึ่งนับเป็นรางวัลที่คุ้มค่ากับความทุ่มเทและความพยายามตลอดทั้งฤดูกาล
ความสำเร็จในทุกระดับ
ไม่เพียงแต่ในระดับสูงสุดของฟุตบอลไทยเท่านั้น “มาดามแป้ง” ยังได้แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยในทุกระดับ โดยก่อนหน้านี้ เธอได้เดินทางไปมอบถ้วยแชมป์ให้กับทีมชนะเลิศในลีกระดับรองลงมาด้วย ได้แก่ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี แชมป์ไทยลีก 2 และ สโมสร บางกอก เอฟซี แชมป์ปุ๋ยรุ่งอรุณ ไทยลีก 3
การสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน
ความสำเร็จของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไม่เพียงแต่สร้างความภาคภูมิใจให้กับแฟนบอลเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนที่ฝันอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพในอนาคต การที่ทีมสามารถครองแชมป์ได้อย่างต่อเนื่องแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น การวางแผนที่ดี และการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับทีมฟุตบอลอื่นๆ และนักกีฬารุ่นเยาว์ทั่วประเทศ
ด้วยความสำเร็จครั้งนี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของตนในฐานะทีมฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย และพร้อมที่จะก้าวไปสู่ความท้าทายใหม่ๆ ในฤดูกาลหน้าและในเวทีระดับนานาชาติต่อไป
