เด็กหญิงวัย 13 ปี ประสบเหตุสลดจากการถูกจ้างดื่มสุรา ครอบครัวร้องขอความเป็นธรรม

เหตุการณ์สะเทือนใจเกิดขึ้นในงานบวชที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา เมื่อเด็กหญิงวัย 13 ปี ถูกผู้ใหญ่จ้างให้ดื่มสุราเพียวๆ แลกกับเงิน 1,000 บาท จนเป็นเหตุให้เด็กหญิงหมดสติและต้องเข้ารับการรักษาในห้องไอซียู

รายละเอียดเหตุการณ์:

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2567 เด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี และเพื่อนชายวัยเดียวกัน ได้ไปร่วมงานบวชและเก็บเหรียญโปรยทานในขบวนแห่นาค ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เด็กหญิงเอมักทำเป็นประจำเพื่อหารายได้ช่วยเหลือครอบครัว ระหว่างงาน มีชายกลุ่มหนึ่งได้เสนอเงิน 1,000 บาทให้เด็กทั้งสองดื่มสุราเพียวๆ หนึ่งขวด โดยแบ่งกันดื่มคนละครึ่ง

ผลกระทบร้ายแรง:

หลังจากดื่มสุราหมดขวด เด็กหญิงเอเกิดอาการช็อกและหมดสติ ต้องถูกนำส่งโรงพยาบาลหนองบุญมากในทันที ก่อนจะถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ปัจจุบันเด็กหญิงยังคงไม่รู้สึกตัวและต้องใช้เครื่องช่วยหายใจในห้องไอซียู สร้างความวิตกกังวลให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก

ความเห็นของครอบครัวผู้เสียหาย:

นางอุ้ย อายุ 72 ปี ยายของเด็กหญิงเอ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ พร้อมมอบคลิปวิดีโอที่บันทึกเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐาน นางอุ้ยกล่าวด้วยความเสียใจว่า “รู้ว่าที่หลานทำเพราะอยากจะได้เงินมาให้ยาย แต่ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ ไม่คิดถึงชีวิตของตัวเองเลยหรือ” พร้อมเรียกร้องให้ผู้กระทำผิดออกมารับผิดชอบ

การดำเนินการของเจ้าหน้าที่:

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งสอบสวนคดีนี้ โดยมี พ.ต.อ.ธนภัทร เพชรอรุณ ผู้กำกับการ สภ.หนองบุญมาก เข้าร่วมสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้ดำเนินการตามข้อเท็จจริงและเอาผิดกับทุกคนที่ทำผิดกฎหมาย

ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง:

ผู้กระทำผิดอาจมีความผิดในข้อหา “บังคับขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร” และ “จำหน่าย แลกเปลี่ยน หรือให้สุราแก่เด็ก” ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากเด็กมีอาการสาหัส อาจมีความผิดฐานกระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งมีโทษหนักขึ้น

บทเรียนสำคัญ:

เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการปกป้องเด็กและเยาวชนจากอันตรายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงความรับผิดชอบของผู้ใหญ่ในสังคมที่ไม่ควรชักจูงหรือส่งเสริมให้เด็กกระทำการที่เป็นอันตรายต่อตนเอง การสร้างความตระหนักรู้และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งจำเป็นในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต