เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 เวลาประมาณ 18.30 น. เกิดเหตุสลดใจบนเส้นทางรถไฟในจังหวัดพิจิตร เมื่อรถไฟขบวน 201 สายกรุงเทพฯ-พิษณุโลก พุ่งชนรถกระบะที่กำลังบรรทุกผู้โดยสารไปร่วมงานศพ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บสาหัส 2 ราย ณ จุดตัดทางรถไฟที่ไม่มีไม้กั้น บริเวณปากทาง ตำบลปากทาง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร
เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.ท.พิษณุพล ยอดกระโหม สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิจิตร พร้อมด้วยทีมกู้ภัยและกู้ชีพจากหลายหน่วยงาน เร่งรุดไปยังที่เกิดเหตุทันที พบรถไฟขบวนดังกล่าวจอดอยู่ห่างจากจุดชนประมาณ 50 เมตร ขณะที่รถกระบะยี่ห้อนิสสัน นาวาร่า สีดำ ทะเบียน 5669 พิจิตร ถูกแรงกระแทกอย่างรุนแรงจนกระเด็นออกนอกราง
รายละเอียดผู้ประสบเหตุ
ผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 3 ราย ได้แก่:
- นางบุญส่ง
- เด็กหญิงอภิรมย์ อายุ 14 ปี
- น.ส.สายฝน อายุ 27 ปี
ผู้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลพิจิตร 2 ราย ได้แก่:
- นางสมนึก อายุ 50 ปี
- นางประสิทธิ์ อายุ 58 ปี
ผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่:
- นางยุวดี อายุ 27 ปี
- นายปัณชยา อายุ 38 ปี (คนขับรถกระบะ)
จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า รถไฟขบวนดังกล่าวเพิ่งออกจากสถานีรถไฟพิจิตรเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. มุ่งหน้าสู่สถานีปลายทางที่พิษณุโลก ขณะที่รถกระบะซึ่งบรรทุกผู้โดยสารกำลังเดินทางไปร่วมงานสวดพระอภิธรรมศพที่วัดราชช้างขวัญ ได้พยายามขับตัดหน้าขบวนรถไฟในระยะกระชั้นชิด ทั้งที่พนักงานขับรถไฟได้เปิดสัญญาณเตือนแล้ว แต่ด้วยความเร็วของรถไฟและการขาดอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม จึงเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุอันน่าสลดใจครั้งนี้
ความปลอดภัยบนทางรถไฟ: บทเรียนราคาแพง
เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยที่จุดตัดทางรถไฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีการสัญจรหนาแน่น การขาดแคลนไม้กั้นหรือสัญญาณเตือนที่เหมาะสมอาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่สามารถป้องกันได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งดำเนินการปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัย รวมถึงการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการข้ามทางรถไฟอย่างปลอดภัย
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุ และพิจารณาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีกในอนาคต ทั้งนี้ ขบวนรถไฟที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุไม่ได้รับความเสียหายหรือตกรางแต่อย่างใด
เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนอันแสนเจ็บปวดที่เตือนใจให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยบนท้องถนนและทางรถไฟ เพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินอันมีค่าในอนาคต