ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้พักอาศัยในคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งย่านเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เมื่อพบว่ามีผู้ป่วยด้วยโรคเยื่อบุตาอักเสบเป็นจำนวนมาก โดยสงสัยว่ามีสาเหตุมาจากการปนเปื้อนของเชื้อปรสิตในระบบน้ำประปาของอาคาร ทำให้เกิดการระบาดของโรคอย่างรวดเร็ว
จากการสอบสวนโรคโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีผู้ป่วยสะสมรวมกว่า 200 ราย โดยผลการตรวจวิเคราะห์น้ำเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 พบเชื้อก่อโรคตาแดง Acanthamoeba spp. และ trophozoites ในน้ำประปาจากบ่อพักน้ำชั้นใต้ดินและน้ำประปาจากห้องลูกบ้านจำนวน 5 ห้อง
สาเหตุสำคัญของปัญหานี้มาจากการบริหารจัดการระบบน้ำที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยพบว่าไม่มีการเติมคลอรีนในระบบน้ำอย่างเพียงพอ ทำให้ไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังพบข้อบกพร่องในการทำความสะอาดถังพักน้ำ โดยมีถังพักน้ำอีก 3 บ่อที่ยังไม่ได้รับการล้างและทำลายเชื้อด้วยวิธี Chlorine shock ตามมาตรฐานที่กำหนด
ไทม์ไลน์การแก้ไขปัญหา:
– 14 มิ.ย. 67: เริ่มมีการสอบสวนโรคและตรวจสอบคุณภาพน้ำ
– 21 มิ.ย. 67: มีการส่งเอกสารข้อแนะนำแนวทางการจัดการคุณภาพน้ำให้กับนิติบุคคลอาคารชุด
– 22 มิ.ย. 67: เริ่มมีการเติมคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อในระบบน้ำ
– 25 มิ.ย. 67: พบเชื้อก่อโรคในผลตรวจวิเคราะห์น้ำ และมีการล้างถังพักน้ำใต้ดิน
– 3 ก.ค. 67: หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามผลการแก้ไขปัญหา
– 4 ก.ค. 67: ออกหนังสือคำแนะนำให้ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องด้านสุขลักษณะ
การดำเนินการต่อไป:
ทางกรุงเทพมหานครได้กำหนดเส้นตายให้นิติบุคคลอาคารชุดแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 โดยจะมีการลงพื้นที่ตรวจติดตามผลอีกครั้ง หากพบว่าไม่มีการปฏิบัติตามคำแนะนำ จะมีการออกคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นและอาจดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
บทเรียนจากเหตุการณ์:
เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการระบบน้ำในอาคารสูงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในด้านการรักษาคุณภาพน้ำและการทำความสะอาดระบบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อที่อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพของผู้พักอาศัย นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการมีระบบเฝ้าระวังและตอบสนองต่อปัญหาสุขภาพในชุมชนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ