ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ 9-0 เสียง ให้ยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย พรรคก้าวไกลได้แสดงท่าทีตอบสนองต่อคำวินิจฉัยดังกล่าวอย่างรวดเร็วและชัดเจน โดยการเปลี่ยนแปลงภาพโปรไฟล์บนเฟซบุ๊กอย่างมีนัยสำคัญ
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณายุบพรรคก้าวไกล พร้อมทั้งเสนอให้ตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคเป็นระยะเวลา 10 ปี ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิของกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดที่ดำรงตำแหน่งในช่วงระหว่างวันที่ 25 มีนาคม 2564 ถึง 31 มกราคม 2567 ครอบคลุมกรรมการบริหารพรรคทั้งสองยุคของพรรคก้าวไกล
การตอบสนองของพรรคก้าวไกล
ทันทีที่มีคำวินิจฉัยออกมา เฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของพรรคก้าวไกลได้มีการเปลี่ยนแปลงภาพโปรไฟล์ใหม่ โดยมีการขีดฆ่าคำว่า “พรรค” ออก เหลือเพียงคำว่า “ก้าวไกล” ซึ่งเป็นการสื่อสารอย่างชัดเจนถึงความตั้งใจที่จะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่อไป แม้จะไม่มีสถานะเป็นพรรคการเมืองอีกต่อไป พร้อมกับข้อความที่ระบุว่า “พรรคก้าวไกลถูกยุบโดยคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ก้าวไกลไปต่อโดยคำสั่งของประชาชน” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะยังคงเดินหน้าตามอุดมการณ์เดิม โดยอาศัยแรงสนับสนุนจากประชาชนเป็นหลัก
นอกจากนี้ ทางเพจยังได้โพสต์คลิปวิดีโอพร้อมข้อความที่สื่อถึงความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค โดยระบุว่า “ในโลกนี้มีบางอย่าง ที่ไม่อาจถูกทำลาย ไม่สูญสลาย มีแต่จะเติบโตต่อไปไม่หยุดยั้ง การเดินทางครั้งใหม่เริ่มขึ้นแล้ว เดินต่อไปด้วยกัน ประชาชน” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะรักษาอุดมการณ์และแนวทางการทำงานเดิมไว้ แม้จะเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่
ผลกระทบต่อการเมืองไทย
การยุบพรรคก้าวไกลครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างและการดำเนินงานของพรรคเท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลต่อภูมิทัศน์ทางการเมืองไทยในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคก้าวไกล การตัดสินใจของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน และอาจกระตุ้นให้เกิดการรวมตัวกันในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อสานต่ออุดมการณ์และนโยบายที่พรรคก้าวไกลเคยนำเสนอ
ท่ามกลางความท้าทายนี้ การที่กลุ่ม “ก้าวไกล” ยังคงยืนยันที่จะ “เดินหน้าต่อ” แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะรักษาพลังและแรงสนับสนุนจากประชาชนไว้ ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนารูปแบบการเคลื่อนไหวทางการเมืองแบบใหม่ในอนาคตอันใกล้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้ร่มของพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ
