เหตุการณ์สะเทือนใจเกิดขึ้นที่จังหวัดระยอง เมื่อลูกสาวของชายวัย 78 ปีที่เสียชีวิต ปฏิเสธการมีส่วนร่วมในพิธีศพของบิดา โดยอ้างเหตุผลทางศาสนา ทิ้งให้สัปเหร่อและผู้มีจิตศรัทธาเป็นผู้จัดการทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดงานศพไปจนถึงการลอยอังคาร สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้พบเห็นและชาวโซเชียลมีเดีย
เรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยผ่านโพสต์บนเฟซบุ๊กของผู้ใช้รายหนึ่ง ซึ่งแสดงความไม่เห็นด้วยกับการกระทำของลูกสาวผู้เสียชีวิต โดยระบุว่า “ผมไม่รู้หรอกว่าคุณจะนับถือศาสนาอะไร แต่ความคิดมันต้องมีกันทุกคนมั้ยครับ #นี่พ่อนะครับ” พร้อมทั้งเล่าถึงเหตุการณ์ที่ลูกสาวไม่ยอมช่วยยกโลงศพ และไม่มาเก็บอัฐิของบิดา โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมาก มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่แสดงความไม่เห็นด้วยกับการกระทำของลูกสาว
จากการสืบค้นข้อเท็จจริง พบว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่วัดแห่งหนึ่งใน ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง นายอัศนี ไกรวัลย์ สัปเหร่อวัย 26 ปี เป็นผู้ทำพิธีให้กับผู้ล่วงลับ เล่าว่าเขาได้จัดการพิธีทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ รวมถึงการเก็บอัฐิและทำพิธีบังสุกุล เนื่องจากญาติของผู้เสียชีวิตแจ้งว่าไม่สะดวกมาร่วมพิธี
นายเฉลิมเกียรติ รัตนรินทร์ หรือ “แมนสะพานบุญบ้านเพ” อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นผู้ช่วยจัดงานศพครั้งนี้ เปิดเผยว่า ญาติของผู้เสียชีวิตได้ติดต่อขอความช่วยเหลือผ่านเพจสะพานบุญบ้านเพ เนื่องจากไม่มีเงินจัดงานศพ ทางเพจจึงเปิดรับบริจาคเพื่อจัดพิธี โดยตั้งสวดไว้ 1 คืน และทำพิธีฌาปนกิจในวันที่ 23 กรกฎาคม 2567
ความขัดแย้งทางความเชื่อ: เมื่อศาสนาเป็นอุปสรรคต่อการแสดงความกตัญญู
ในระหว่างพิธี ไม่มีญาติคนใดช่วยยกโลงศพเพื่อเคลื่อนรอบเมรุและขึ้นเมรุ โดยอ้างว่าติดขัดเรื่องศาสนาที่นับถืออยู่ ทำให้ทีมสะพานบุญบ้านเพ ชาวบ้าน และสัปเหร่อต้องช่วยกันจนงานเสร็จสิ้น สร้างความงุนงงให้กับผู้พบเห็น แต่ทุกคนก็พยายามเข้าใจว่าอาจเป็นเพราะความแตกต่างทางศาสนา
วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 นายอัศนีและนายเฉลิมเกียรติได้นำอัฐิของผู้เสียชีวิตไปลอยอังคารกลางทะเล โดยปราศจากการมีส่วนร่วมของบุตรสาวผู้เสียชีวิต พวกเขาได้ทำพิธีอย่างสมบูรณ์ตามประเพณี มีการจุดธูป ท่องคาถา และโรยดอกไม้ก่อนที่จะนำอัฐิลอยสู่ทะเล
นายเฉลิมเกียรติกล่าวทิ้งท้ายว่า แม้ตนจะไม่ใช่ญาติของผู้เสียชีวิต แต่ก็ได้ช่วยเหลือตั้งแต่ต้นจนจบ เขาเชื่อว่าไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด บุพการีก็คือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับลูก เหตุการณ์นี้ได้กลายเป็นกระแสดราม่าที่สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้พบเห็น และเป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับความกตัญญูและการให้เกียรติผู้ล่วงลับ แม้จะมีความแตกต่างทางความเชื่อก็ตาม