การปลูกข้าวเป็นวิถีชีวิตที่อยู่คู่สังคมไทยมาอย่างยาวนาน ไม่เพียงแต่เป็นอาหารหลักของคนไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญของวัฒนธรรมและประเพณีอันงดงามของชาติ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ชาวนาซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการผลิตข้าวกลับต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างรายได้ที่มั่นคงจากอาชีพดั้งเดิมนี้ ด้วยเหตุนี้ การเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวจึงกลายเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวนาและรักษาภาคการเกษตรไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
กรมการข้าว ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวไทย จึงได้ริเริ่มโครงการส่งเสริมการแปรรูปข้าวสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง พร้อมทั้งสนับสนุนแหล่งผลิตข้าวทั่วประเทศให้มีศักยภาพในการพัฒนาการแปรรูป การปรับปรุงสายพันธุ์ข้าว และการยกระดับแบรนด์สินค้าให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
เมื่อวันที่ 7-8 สิงหาคมที่ผ่านมา กรมการข้าวได้จัดกิจกรรมพาสื่อมวลชนเยี่ยมชม 2 กลุ่มชุมชนต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในการแปรรูปและเพิ่มมูลค่าข้าว ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนตำบลจุน จังหวัดพะเยา และศูนย์ข้าวชุมชนตำบลศรีดอนมูล จังหวัดเชียงราย
วิสาหกิจชุมชนจุน: แหล่งปลูกข้าวอินทรีย์คุณภาพเยี่ยมจากดินภูเขาไฟ
วิสาหกิจชุมชนศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนตำบลจุน จังหวัดพะเยา เป็นแหล่งปลูกข้าวอินทรีย์ 5 สายพันธุ์บนผืนดินที่อุดมสมบูรณ์จากตะกอนภูเขาไฟ ซึ่งส่งผลให้ข้าวที่ปลูกมีความหอมและรสชาติที่กลมกล่อมเป็นพิเศษ โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิที่เคยได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทข้าวหอมมะลิดีเด่นประจำปี 2543 และ 2544
นางสาวชัมญาณัฎ พระวิสัตย์ ตัวแทนของวิสาหกิจชุมชนแห่งนี้ เล่าว่า จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2559 เมื่อเกิดวิกฤตข้าวล้นตลาด ทำให้กลุ่มต้องคิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับข้าว โดยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น ข้าวบรรจุถุง ข้าวพองเคลือบช็อกโกแลต แป้งข้าวอินทรีย์ และข้าวแต๋น ภายใต้แบรนด์ “สร้อยศรี”
นอกจากนี้ ทางกลุ่มยังไม่หยุดพัฒนา โดยปัจจุบันกำลังร่วมมือกับมหาวิทยาลัยพะเยาในการพัฒนาสูตรเวย์ข้าวโปรตีน ซึ่งเป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์จากข้าวให้มีความหลากหลายและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่
ความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชนศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนตำบลจุน
การเติบโตของวิสาหกิจชุมชนแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากความทุ่มเทและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะกรมการข้าว นางสาวชัมญาณัฎเล่าว่า “เมื่อก่อนที่นี้เป็นแค่โรงสี ไม่มีพื้นที่อะไรเลย พอเราได้ปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ข้าวอยู่หลายปี กรมการข้าวก็ได้เห็นศักยภาพของเรา เข้ามาช่วยเหลือพัฒนาและส่งเสริม ทำอาคารพื้นที่ให้งบประมาณ 5 ล้าน ดังนั้นพื้นที่ตรงนี้ทั้งหมดกรมการข้าวช่วยจัดสรรคให้กับเรา จนทำให้เกิดการรวมตัวของชุมชนมากยิ่งขึ้น และทำแบรนด์สร้อยศรีขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อที่ขายในร้านค้า”
นายโอวาท ยิ่งลาภ ผู้อำนวยการกองพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กรมการข้าว เผยว่า วิสาหกิจชุมชนแห่งนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 ทั้งในด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการผลิตและแปรรูปข้าว ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตและเปิดโอกาสให้ชุมชนได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดและผู้บริโภค
ศูนย์ข้าวชุมชนศรีดอนมูล: นวัตกรรมการแปรรูปข้าวแบบครบวงจร
อีกหนึ่งชุมชนต้นแบบที่น่าสนใจคือ ศูนย์ข้าวชุมชนตำบลศรีดอนมูล จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเกษตรแปลงใหญ่ข้าว ชุมชนนี้โดดเด่นด้วยการผลิตข้าวพันธุ์พื้นเมือง 2 สายพันธุ์ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ (กข15 และกข105) ด้วยเมล็ดพันธุ์คุณภาพสูง
นายธนานุวัฒน์ จันทร์ฟอง ประธานศูนย์ข้าวชุมชนศรีดอนมูล เผยถึงความก้าวหน้าล่าสุดของชุมชน นั่นคือการพัฒนาสูตรสุราจากข้าวเหนียวเขี้ยวงู โดยแปรรูปเป็นคราฟต์เบียร์และโซจู ภายใต้แบรนด์ “สุราฮิมนา” ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทดสอบและพัฒนาให้ได้มาตรฐานตามข้อกำหนดของกรมสรรพสามิต
นอกจากนี้ ชุมชนศรีดอนมูลยังมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวในรูปแบบต่างๆ เช่น ข้าวสุญญากาศภายใต้แบรนด์ “ศรีดอนมูล” การแปรรูปฟางข้าวเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น กระดาษสา ก้อนเพาะเห็ด และก้อนอิฐ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากทุกส่วนของข้าวอย่างไม่มีของเหลือทิ้ง (Zero Waste) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและส่งเสริมการค้าเชิงพาณิชย์
ความสำเร็จของศูนย์ข้าวชุมชนศรีดอนมูล
ศูนย์ข้าวชุมชนศรีดอนมูลได้รับการสนับสนุนจากกรมการข้าวอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 11 ปี โดยในปี 2563 ได้รับการสนับสนุนเครื่องอบลดความชื้นข้าวเปลือก ซึ่งช่วยให้ชุมชนสามารถผลิตข้าวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รักษาคุณภาพเมล็ดข้าวให้อ่อนนุ่มและสวยงาม ตลอดจนเปิดโอกาสให้ชุมชนได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด
บทสรุป: อนาคตที่สดใสของข้าวไทย
จากตัวอย่างความสำเร็จของทั้งสองชุมชน เราจะเห็นได้ว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวไทยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การเพิ่มผลผลิตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านการแปรรูปและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย การสนับสนุนจากภาครัฐ โดยเฉพาะกรมการข้าว มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพของชุมชนและเปิดโอกาสให้เกษตรกรได้พัฒนาทักษะและนวัตกรรมใหม่ๆ
ด้วยแนวทางการพัฒนาเช่นนี้ อนาคตของข้าวไทยจึงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การเป็นวัตถุดิบทางการเกษตรเท่านั้น แต่ยังสามารถก้าวไปสู่การเป็นผลิตภ