สหรัฐฯ-จีนบรรลุข้อตกลงผ่อนปรนวีซ่าสื่อมวลชน หวังลดความตึงเครียดระหว่างประเทศ

ในความพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สหรัฐอเมริกาและจีนได้บรรลุข้อตกลงสำคัญในการผ่อนคลายกฎระเบียบวีซ่าสำหรับสื่อมวลชนของทั้งสองประเทศ ผลลัพธ์นี้เป็นหนึ่งในความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการประชุมสุดยอดทวิภาคีทางออนไลน์ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีน

ตามรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ข้อตกลงนี้จะช่วยบรรเทาความตึงเครียดที่สั่งสมมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยทั้งสองประเทศได้ตกลงที่จะขยายระยะเวลาวีซ่าสำหรับสื่อมวลชนจากเดิม 3 เดือน เป็น 1 ปี นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้นักข่าวสามารถเดินทางเข้าออกประเทศได้อย่างอิสระภายในระยะเวลาที่กำหนดตามวีซ่า ซึ่งแตกต่างจากนโยบายก่อนหน้านี้ที่ต้องขอวีซ่าใหม่ทุกครั้งที่เดินทาง

ความท้าทายในการเจรจา

การบรรลุข้อตกลงครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย สื่อจีนรายงานว่าต้องใช้เวลาในการเจรจาอย่างยากลำบากมานานกว่า 1 ปี ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มองว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ดีในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ

ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนในเรื่องสื่อมวลชนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ ตัดสินใจจัดประเภทองค์กรสื่อมวลชนจีนให้เป็นหน่วยงานของรัฐ ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ รวมถึงการกำหนดให้สื่อหลักของจีนอย่างซินหัวและซีจีทีเอ็นต้องขออนุญาตพิเศษในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ และต้องส่งรายชื่อพนักงานทั้งหมดให้กับทางการสหรัฐฯ

การกระทำดังกล่าวได้รับการประณามจากรัฐบาลจีนว่าเป็นการกดขี่ด้วยแรงจูงใจทางการเมือง และนำไปสู่การตอบโต้ด้วยการเนรเทศผู้สื่อข่าวสหรัฐฯ 13 คน ออกจากประเทศจีนในเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งรวมถึงนักข่าวจากสื่อชั้นนำอย่างเดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส, วอชิงตัน โพสต์, และวอลล์ สตรีท เจอร์นัล

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่าข้อตกลงใหม่นี้จะครอบคลุมถึงการอนุญาตให้นักข่าวอเมริกันทั้ง 13 คนที่ถูกเนรเทศสามารถกลับเข้าไปทำงานในจีนได้หรือไม่ ตามรายงานของสำนักข่าวบีบีซี

การประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำไบเดนและสี จิ้นผิง ถือเป็นโอกาสสำคัญในการลดความตึงเครียดที่สั่งสมมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลชุดก่อน โดยครอบคลุมประเด็นสำคัญหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการค้า ความมั่นคงทางไซเบอร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19

นักวิเคราะห์สหรัฐฯ มองว่าเป้าหมายหลักของการเจรจาครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับจีน แต่เป็นการสร้างความเข้าใจร่วมกันเพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย สอดคล้องกับคำกล่าวของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่เปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศว่าเป็นเสมือนเรือสองลำที่ต้องแล่นผ่านมหาสมุทรอันปั่นป่วนโดยไม่ให้เกิดการชนกัน

ข้อตกลงผ่อนปรนวีซ่าสื่อมวลชนครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน แม้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่ก็สร้างความหวังว่าทั้งสองประเทศจะสามารถร่วมมือกันแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในประเด็นอื่นๆ ได้ในอนาคต