ในวันที่ 20 สิงหาคม 2024 รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ประกาศการตอบรับคำขอจากสหรัฐอเมริกา ในการจัดตั้งศูนย์ยื่นคำร้องขอวีซ่าสำหรับชาวอัฟกานิสถานที่ประสงค์จะย้ายถิ่นฐานไปยังสหรัฐฯ การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่กำลังพัฒนาขึ้นระหว่างฟิลิปปินส์และสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังจากการเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ในปี 2022
กระทรวงการต่างประเทศของฟิลิปปินส์ได้เปิดเผยว่า ข้อตกลงดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการเจรจาก่อนที่จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับจำนวนชาวอัฟกานิสถานที่จะได้รับอนุญาตให้พำนักในฟิลิปปินส์เป็นการชั่วคราว ในระหว่างที่ดำเนินการขอวีซ่าผู้อพยพพิเศษเพื่อตั้งถิ่นฐานในสหรัฐอเมริกา
ความร่วมมือครั้งสำคัญ: สหรัฐฯ สนับสนุนทรัพยากรเต็มที่
ตามแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้แสดงความมุ่งมั่นในการให้การสนับสนุนที่จำเป็นทั้งหมดแก่ชาวอัฟกานิสถานที่จะเข้ามาพำนักชั่วคราวในฟิลิปปินส์ การสนับสนุนนี้ครอบคลุมทุกด้านของการดำรงชีวิต ได้แก่:
1. ที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยและเหมาะสม
2. อาหารที่เพียงพอและมีคุณค่าทางโภชนาการ
3. การรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง
4. การดูแลรักษาพยาบาลอย่างครอบคลุม
5. การอำนวยความสะดวกในการเดินทาง
การสนับสนุนเหล่านี้จะดำเนินไปจนกว่ากระบวนการขอวีซ่าจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศในการช่วยเหลือชาวอัฟกานิสถานที่ต้องการโยกย้ายถิ่นฐาน
ในขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกแถลงการณ์แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลฟิลิปปินส์ที่ให้ความช่วยเหลือแก่พันธมิตรชาวอัฟกานิสถานของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังได้แสดงความชื่นชมต่อประวัติศาสตร์อันยาวนานและความร่วมมือทวิภาคีที่แข็งแกร่งระหว่างทั้งสองประเทศ
ชาวอัฟกานิสถานที่มีสิทธิ์ได้รับการพิจารณาให้โยกย้ายถิ่นฐานไปยังสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เคยทำงานให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน หรือเป็นบุคคลที่ได้รับการพิจารณาให้มีสิทธิ์ได้รับวีซ่าพิเศษสำหรับผู้อพยพของสหรัฐฯ แต่ไม่สามารถออกจากอัฟกานิสถานได้ในช่วงที่สหรัฐฯ ถอนกำลังออกจากประเทศในปี 2021 เมื่อกลุ่มตาลีบันกลับมามีอำนาจปกครองประเทศอีกครั้ง
การตัดสินใจของฟิลิปปินส์ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในประชาคมระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันถึงบทบาทสำคัญของฟิลิปปินส์ในฐานะพันธมิตรที่แข็งแกร่งของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอีกด้วย ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และอาจนำไปสู่ความร่วมมือในด้านอื่นๆ ในอนาคต