นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางเยือนฮ่องกงเพื่อพบปะและหารือกับภาคเอกชนในวันที่ 8 ตุลาคม 2566 โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สรุปสาระสำคัญของการหารือดังกล่าว
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวต่อภาคธุรกิจฮ่องกงว่า จุดประสงค์หลักของการเยือนครั้งนี้คือการประกาศให้ทราบว่าประเทศไทยเปิดประตูต้อนรับนักลงทุนและภาคเอกชนอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งรับฟังข้อเสนอแนะและความคิดเห็นจากภาคธุรกิจ นายกรัฐมนตรียังได้ย้ำถึงความพร้อมของรัฐบาลในการวางแผนรองรับขั้นตอนต่อไปและให้การสนับสนุนอำนวยความสะดวกแก่ภาคเอกชน
ในด้านการตอบรับจากภาคเอกชนฮ่องกง ดร. อัลลัน เซแมน ประธานกลุ่มหลานไกว์ฟง ได้แสดงความชื่นชมต่อนโยบายฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยว โดยเชื่อมั่นว่านโยบายนี้จะส่งผลดีต่อภาคเอกชนอย่างมาก และยกย่องให้เป็นหนึ่งในนโยบายที่ดีที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 1,400 ล้านคน
ความร่วมมือด้านการแพทย์และสาธารณสุข
ตัวแทนภาคธุรกิจโรงพยาบาลได้เสนอแนวคิดการแลกเปลี่ยนบุคลากรทางการแพทย์ระหว่างไทยและฮ่องกง เนื่องจากฮ่องกงกำลังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก จึงมีความสนใจที่จะเชิญชวนแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจากไทยเข้ามาทำงานระยะสั้นในฮ่องกง ทั้งนี้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ โดยได้กล่าวชื่นชมมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพของไทยว่าอยู่ในระดับสากล
ในส่วนของการคมนาคม ประธานคณะกรรมการท่าอากาศยานฮ่องกงได้แสดงความหวังที่จะเห็นการเร่งสร้างความเชื่อมโยงด้านการคมนาคมระหว่างไทยและฮ่องกง เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เห็นด้วยและกล่าวชื่นชมประสิทธิภาพของสนามบินฮ่องกง พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของสนามบินในฐานะจุดสร้างความประทับใจแรกและสุดท้ายสำหรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงโครงการพัฒนาสนามบินในประเทศไทย เช่น การเปิดอาคารผู้โดยสารใหม่ SAT-1 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติอันดามันที่จังหวัดพังงา
ในด้านการเงินและการลงทุน ตัวแทนจากธนาคาร HSBC ได้เสนอให้ประเทศไทยจัดโรดโชว์ โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตลาดหลักทรัพย์จัดทำแผนงาน ซึ่ง HSBC ได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานที่ฮ่องกงและในภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมถึงกาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดีอาระเบีย โดยมีกำหนดการอาจจะจัดขึ้นหลังปีใหม่
ตัวแทนภาคธุรกิจฮ่องกงยังได้แสดงความสนใจอย่างมากในการลงทุนในประเทศไทย โดยขอให้รัฐบาลช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางของกลุ่มประเทศ CLMVT (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย) และเน้นย้ำว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเตรียมความพร้อมเพื่อขยายธุรกิจ โดยยังคงคำนึงถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
การเยือนฮ่องกงครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีไทยได้สร้างความเชื่อมั่นและเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและฮ่องกง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการท่องเที่ยว การลงทุน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายในอนาคตอันใกล้