นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งแรกของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งมีการอนุมัติมาตรการสำคัญหลายประการเพื่อช่วยเหลือประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. การแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติ
ครม. ได้เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 โดยมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้รับผิดชอบในการแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว ทั้งนี้ การดำเนินการจะยึดตามแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลัก และจะใช้เวทีรัฐสภาในการหารือรูปแบบและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงการทำประชามติ เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการออกแบบกฎกติกาที่เป็นประชาธิปไตยร่วมกัน
2. มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว
เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ ครม. ได้อนุมัติให้มีการยกเว้นวีซ่าชั่วคราวสำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนและคาซัคสถาน โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 ถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ทั้งนี้ ได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หน่วยงานด้านความมั่นคง และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อให้มั่นใจว่าทุกภาคส่วนมีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น
3. การส่งเสริม Soft Power
ครม. ได้อนุมัติให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ Soft Power แห่งชาติ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ โดยมีเป้าหมายเพื่อดึงศักยภาพของประชาชนชาวไทยออกมาใช้ในการเสริมสร้างรายได้และเพิ่มโอกาสให้กับประชาชน
4. มาตรการช่วยเหลือด้านการเงิน
ครม. ได้อนุมัติมาตรการพักหนี้สำหรับเกษตรกรและธุรกิจขนาดเล็กเป็นระยะเวลา 3 ปี นอกจากนี้ ยังมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ จากเดิมที่จ่ายเดือนละ 1 ครั้ง เป็นเดือนละ 2 ครั้ง โดยคาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป มาตรการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยบรรเทาภาระทางการเงินให้กับข้าราชการ โดยเฉพาะข้าราชการระดับล่าง เพื่อลดความจำเป็นในการกู้ยืมเงินระหว่างเดือน
5. การลดภาระค่าครองชีพ
ครม. ได้มีมติให้ลดค่าไฟฟ้าจาก 4.45 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง เหลือ 4.10 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งเป็นการลดลงมากกว่าที่ประชาชนคาดการณ์ไว้ โดยจะเริ่มมีผลในรอบบิลเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังมีมาตรการลดราคาน้ำมันดีเซลสำหรับภาคขนส่งให้ต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร ซึ่งจะเริ่มมีผลในวันที่ 20 กันยายน 2566
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม
มาตรการต่างๆ ที่ ครม. ได้อนุมัติในการประชุมครั้งแรกนี้ คาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในหลายด้าน การลดค่าไฟฟ้าและราคาน้ำมันดีเซลจะช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนและต้นทุนการผลิตของภาคธุรกิจ ในขณะที่มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามผลการดำเนินงานของมาตรการต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินประสิทธิภาพและปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงในอนาคต