นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะทำงานด้านนโยบายการท่องเที่ยว ได้ลงพื้นที่จังหวัดพังงาเพื่อรับฟังข้อเสนอแนะจากตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจและภาคเอกชน โดยมี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย (พท.) และ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล สส.แบบบัญชีรายชื่อ ร่วมคณะด้วย การลงพื้นที่ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบปัญหาและความต้องการของผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายและมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพ
ในระหว่างการประชุม นายกฤษ ศรีฟ้า อดีตผู้สมัคร สส.พังงา พท. ได้นำเสนอประเด็นเกี่ยวกับงบประมาณการจัดการน้ำในจังหวัดพังงา โดยเฉพาะในพื้นที่เขาหลัก พร้อมทั้งเสนอให้มีการจัดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรในจังหวัด เพื่อเปิดโอกาสในการพัฒนาด้านต่างๆ ให้กับจังหวัดพังงาอีกครั้ง
นายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดพังงาได้กล่าวถึงปัญหาของการท่องเที่ยวชุมชนในภาคใต้ ซึ่งมีอยู่ถึง 800 ชุมชน แต่ประสบปัญหาการเข้าถึงตลาดและไม่ได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่เอื้อประโยชน์เฉพาะโรงแรมเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เขาได้แสดงความขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดที่ช่วยจดทะเบียนการท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการท่องเที่ยวในระดับท้องถิ่น
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดพังงาได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2566 ซึ่งมียอดรวม 6,300 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงเป้าหมายการสร้างรายได้ 1 ล้านล้านบาทภายในปี 2570 สำหรับกลุ่มจังหวัดอันดามัน โดยเสนอให้มีการขยายสนามบินภูเก็ต 2 พัฒนาระบบรถไฟ และจัดระเบียบการขนส่งในจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวและเพิ่มทางเลือกในการเดินทาง
แผนการพัฒนาการท่องเที่ยวในจังหวัดพังงา
ตัวแทนภาคเอกชนได้นำเสนอสถิติการท่องเที่ยวในช่วงเดือนตุลาคม 2565 ถึงมิถุนายน 2566 ซึ่งมีรายได้รวม 8,000 ล้านบาท โดยในช่วงการระบาดของโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย จีน และรัสเซีย รวมกว่า 4 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมีนักท่องเที่ยวชาวไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประมาณ 30,000-40,000 คนต่อปี ทั้งนี้ ภาคเอกชนมีความต้องการให้จังหวัดพังงาเป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับนานาชาติ โดยเสนอให้มีการจัดงาน Thailand Travel Mart Plus (TTM+) 2024 ในพื้นที่
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความคิดเห็นว่า เขารู้สึกประหลาดใจที่จังหวัดพังงาไม่ได้รับการเยือนจากนายกรัฐมนตรีมาเป็นเวลาหลายสิบปี และยืนยันว่าแม้จังหวัดพังงาจะไม่มี สส. จากพรรคเพื่อไทย แต่เขาจะกลับมาเยือนอีกครั้งในฐานะนายกรัฐมนตรีของคนไทยทั้งประเทศ โดยไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในจังหวัดภูเก็ตที่มีจีดีพีตกต่ำ โดยจะมีการผลักดันมาตรการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนและอินเดีย รวมถึงการขยายระยะเวลาพำนักให้กับนักท่องเที่ยวจากรัสเซียเป็น 90 วัน และเปิดตลาดใหม่อย่างคาซัคสถาน นอกจากนี้ ยังมีแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนระยะยาว
ในส่วนของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการนำรถเมล์ไฟฟ้า (อีวีบัส) มาใช้ในพื้นที่ และยังได้พูดถึงแนวคิดในการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรในรูปแบบใหม่ โดยอาจแยกเป็นคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจและคณะรัฐมนตรีความมั่นคง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและเป็นประโยชน์มากขึ้น
การลงพื้นที่ครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีและคณะ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพัฒนาการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของจังหวัดพังงาและภูมิภาคอันดามัน โดยมีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนเพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่ตอบสนองความต้องการของพื้นที่อย่างแท้จริง