การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมพร้อมรับมือความท้าทายในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเสนอมาตรการใหม่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ พร้อมกับการต่ออายุการดำรงตำแหน่งของนายยุทธศักดิ์ สุภสร ในฐานะผู้ว่าการ ททท. เพื่อสานต่อนโยบายและแผนงานที่วางไว้
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญหลังจากการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและผู้บริหาร ททท. โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้:
1. การขยายเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า:
ททท. ได้เสนอให้ต่ออายุมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival: VoA) สำหรับชาวต่างชาติ 20 ประเทศ ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน โดยขยายเวลาออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมที่จะหมดอายุในวันที่ 30 เมษายน 2567 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ทั้งนี้เพื่อให้ครอบคลุมช่วงวันชาติจีนซึ่งเป็นวันหยุดยาวที่มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศจำนวนมาก
2. มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ:
ททท. ได้เสนอมาตรการให้นำค่าบริการทางการท่องเที่ยวและค่าที่พักสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวมาเป็นค่าลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท และหากเป็นค่าบริการในพื้นที่เมืองรอง สามารถหักค่าลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า หรือสูงสุด 30,000 บาท โดยทาง ททท. จะหารือกับกระทรวงการคลังเพิ่มเติมก่อนวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์
3. แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น:
นายสมคิดได้สั่งการให้ ททท. เร่งระดมสมองทำงานร่วมกับภาคเอกชนท่องเที่ยว เพื่อออกแคมเปญทางการตลาดและกลยุทธ์ใหม่ในการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจับจ่ายภายในประเทศให้คึกคักขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า (เมษายน-กรกฎาคม) ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน
4. การขยายเวลาปิดด่านชายแดนถาวร:
ททท. ได้เสนอให้ขยายเวลาปิดด่านชายแดนถาวรในจังหวัดต่างๆ เช่น หนองคาย มุกดาหาร อุบลราชธานี สุรินทร์ สระแก้ว เชียงราย และแม่ฮ่องสอน จากเดิมที่ปิดเวลา 22.00 น. เป็นปิดเวลาเที่ยงคืนในทุกวันศุกร์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว
5. การพิจารณาออกวีซ่าประเภท Multiple Visa:
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า ททท. จะประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณาออกวีซ่าประเภท Multiple Visa ที่อนุญาตให้เดินทางเข้า-ออกประเทศไทยได้หลายครั้งในระยะเวลา 3-5 ปี สำหรับนักท่องเที่ยวจีน เพื่อดึงดูดกลุ่มนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง
การเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว:
ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน ททท. ได้วางแผนรับมือโดยมุ่งเน้นการทำตลาดที่มีเป้าหมายชัดเจน โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศที่มีกำลังซื้อสูง เช่น นักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย นอกจากนี้ ยังมีการวางแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศผ่านมาตรการทางภาษีและการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรอง เพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม
ด้วยมาตรการเหล่านี้ ททท. หวังว่าจะสามารถรักษาและเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว โดยมีนายยุทธศักดิ์ สุภสร ในฐานะผู้ว่าการ ททท. เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์เหล่านี้ต่อไป